UV-STI ถึงจุดเปลี่ยน.!

แว๊บแรกที่เห็นมติบอร์ด UV ไฟเขียวให้บริษัทลูกที่ชื่อ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด ควักเงิน 405.22 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้น STI


แว๊บแรกที่เห็นมติบอร์ดบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV ไฟเขียวให้บริษัทลูกที่ชื่อ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด ควักเงิน 405.22 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นบริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI จำนวน 72.36 ล้านหุ้น คิดเป็น 12.00% ที่ราคา 5.60 บาท…ถ้ามองผิวเผินเหมือนไม่มีอะไร..?

เพราะ UV ก็ถือหุ้นใหญ่ใน STI อยู่แล้ว ด้วยสัดส่วน 26.12%

แต่มาสะกิดต่อมอยากรู้อยากเห็นตรงที่ทำไม UV ต้องซื้อหุ้น STI เพิ่มด้วยล่ะ..? อันนี้น่าคิด

แต่เชื่อว่าด้วย UV ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม “เสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี” คงต้องวางหมากทางธุรกิจไว้แล้วแหง ๆ…เชื่อขนมกินได้เลย

เบื้องต้นเท่าที่เห็นการที่  UV มาซื้อหุ้น STI เพิ่มอีก 12.00% จากผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่น ๆ รวมกัน 5 ราย จนดันสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 38.12% นั้น จะทำให้สถานะของ STI เปลี๊ยนไป๋ จากเดิมเป็นแค่บริษัทร่วม ก็จะกลายเป็นบริษัทย่อยของ UV ทันที..!!

ขณะที่ UV งบการเงินก็จะเปลี๊ยนไป๋เหมือนกัน จากก่อนหน้านี้เคยบันทึกรายได้และกำไรของ STI ตามสัดส่วนการถือหุ้น ต่อไปก็สามารถ Consolidate งบของ STI เข้ามาได้เลย…

กรณีนี้ก็เหมือนกับ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ของ “เสี่ยกลาง” สารัชถ์ รัตนาวะดี” กับบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH นั่นแหละ…หลังจาก GULF เข้ามาถือหุ้นใหญ่ INTUCH เกิน 40% ก็เปลี่ยนงบการเงินใหม่ เป็นการ Consolidate งบ INTUCH เข้ามาเลย

กลับมาที่ UV จะทำให้จากนี้ไปกำไรจะดับเบิลขึ้นมา..!!

เพราะถ้าไปส่องงบ STI ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ก็เติบโตดีอยู่นะ…ปี 2562 มีรายได้รวม 727 ล้านบาท กำไรสุทธิ 85 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้รวม 1,576 ล้านบาท กำไรสุทธิ 149 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้รวม 1,741 ล้านบาท กำไรสุทธิ 144 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปี 2565 มีรายได้รวม 1,246 ล้านบาท กำไรสุทธิ 96 ล้านบาท

เปรียบเทียบกับงบ  UV ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2562 มีรายได้รวม 19,233 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,597 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้รวม 4,386 ล้านบาท กำไรสุทธิ 62 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้รวม 3,427 ล้านบาท กำไรสุทธิ 30 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปี 2565 มีรายได้รวม 15,270 ล้านบาท กำไรสุทธิ 167 ล้านบาท

จะเห็นว่าบางปีกำไรของ STI มากกว่า UV อีกนะ…

ไม่เท่านั้น หันไปดูอัตรากำไรสุทธิ STI ก็ทำได้ดีกว่า เฉลี่ยอยู่ที่ 11% ในขณะที่ UV อัตรากำไรสุทธิช่วง 2 ปีให้หลังมานี้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินไม่ถึง 1% เสียด้วยซ้ำ…

ส่วนในมุมธุรกิจ ก็สามารถ Synergy ระหว่างกันได้…โดย UV เป็นบริษัทในกลุ่ม “เสี่ยเจริญ” เป็นโฮลดิ้งคอมปานีที่ไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ส่วน STI ทำธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง และให้บริการออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม งานตกแต่งภายใน

เท่ากับว่าอสังหาฯ ในกลุ่ม UV ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม อาคารสำนักงานให้เช่า หนีไม่พ้นต้องใช้งานออกแบบสถาปัตยกรรมและตกแต่งภายในของ  STI นั่นแหละ…

เมื่อ STI มีรายได้และกำไรมากขึ้น สุดท้ายก็วนกลับคืนสู่ UV ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่…

มิน่าล่ะ UV ถึงอยากรวบหัวรวบหางกินตรงกลางตลอดตัว STI..!!

ถ้าดูรูปเกมตามนี้ ไม่แน่ UV อาจซื้อหุ้น STI เพิ่มอีกก็ได้นะ…ใครจะไปรู้

เพราะด้วยชื่อชั้นกลุ่ม “เสี่ยเจริญ” ไม่น่าจะถือต่ำกว่า 50% นะ..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button