พาราสาวะถี
การไปต่อกับภารกิจอยู่ยาวของผู้นำเผด็จการ ที่ลงทุนสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองและเป็นนักการเมืองแบบเต็มตัว มันไม่ได้ง่ายและโรยด้วยกลีบกุหลาบ
การไปต่อกับภารกิจอยู่ยาวของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ที่ลงทุนสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองและเป็นนักการเมืองแบบเต็มตัว มันไม่ได้ง่ายและโรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนเมื่อคราวก่อนและหลังการเลือกตั้งปี 2562 พลันที่น้องเล็กได้ไปกราบลาพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. นับจากนั้นท่วงทำนองทางการเมืองระหว่างสองพี่น้องก็เห็นได้ชัดว่ามีการขบเหลี่ยมกันโดยตลอด ภาพของการปาดหน้าลงพื้นที่ไม่ใช่ความบังเอิญอย่างแน่นอน ทุกอย่างเกิดจากการข่าว และการขยับก่อนหนึ่งก้าวของพี่ใหญ่เพื่อป้องกันการใช้กลเกมพลังดูดของน้องเล็กนั่นเอง
เป็นการปิดทางบนฐานความเข้าใจต่อสภาพของพรรคสืบทอดอำนาจที่ถูกดูดไปจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทยจำนวนไม่น้อย เช่นเดียวกับบางส่วนที่หนีไปเพื่อไทย ดังนั้น เมื่อมองตาและรู้ใจ มองเห็นใครต่อใครที่ติดสอยห้อยตามไปอยู่กับน้องเล็ก ย่อมรู้ดีว่าการเล่นการเมืองแบบเต็มตัวของน้องเล็กไม่มีวิธีใดที่จะทำให้พรรคได้ ส.ส.ตามจำนวนที่ต้องการมากไปกว่าการตกปลาในบ่อพี่ เมื่อไม่มีความไว้วางใจกันอีกแล้วการปาดหน้าเพื่อรักษาผู้สมัครและฐานเสียงของพรรคที่ตัวเองมีอยู่แล้วจึงเกิดขึ้นถี่ยิบ
เป็นความถี่ที่นักข่าวมองเห็นเป็นเรื่องไม่ปกติ เช่นเดียวกันในฐานะคนที่เคยมองตาก็รู้ใจ ย่อมเต็มไปด้วยความอึดอัด ลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง การจะลุกขึ้นมาดักคอ หรือกล่าวหาพี่ใหญ่ว่าทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม ไร้มารยาททางการเมืองก็น้ำท่วมปาก จึงต้องอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อย่าได้แปลกใจที่หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้ว เราจะได้เห็นมุกหรืออาจเป็นความตั้งใจที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจวางเอกสารผลการประชุมแล้วบอกกับนักข่าวว่าผลการประชุมเป็นไปตามนี้ ก่อนจะเดินออกจากโพเดียมไปโดยไม่แถลงข่าวใด ๆ
ทั้งที่การประชุมหนนี้แก๊ง 3 ป.อยู่กันครบทีม รวมไปถึงผู้นำเหล่าทัพครบครัน น่าจะเป็นความยิ่งใหญ่ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะแถลงถึงผลการหารือว่ามีการเตรียมพร้อมรับมือ และดูแลความมั่นคงของประเทศอย่างไร ภายใต้ความกลมเกลียว เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของฝ่ายความมั่นคง แม้พอจะเข้าใจได้ว่าการไม่แถลงเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถามที่จะถูกจี้ เช่น กรณีพี่ใหญ่ปาดหน้าลงพื้นที่ แต่การทำเช่นนี้ยิ่งหนักข้อกว่า มันยิ่งเป็นการการันตีว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมันร้าวลึกขนาดไหน
ย้ำมาตั้งแต่วันที่น้องเล็กของแก๊ง 3 ป.แสดงตัวชัดเจนว่าแยกกันเดินกับพี่ใหญ่แน่นอนแล้ว เส้นทางบนถนนสายการเมืองมันจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุที่ว่าพี่ใหญ่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่าย และเข้าใจสภาพการเมืองที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร ในขณะที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องปรับตัวเองขนานใหญ่ ประเภทเอาแต่ใจ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่ข้าต้องการคนเดียวเท่านั้น ทำไม่ได้หากต้องการจะให้นักเลือกตั้งมาเป็นพวก
ถ้ามองไปว่าปรากฏการณ์ปาดเป็นปฏิบัติการเชิงจิตวิทยาที่พี่ใหญ่ใช้สร้างแรงกดดันกับน้องเล็กถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โอกาสที่จะตีโต้หรือจังหวะเข้าทางของน้องเล็กที่จะเอาคืนนั้นยังมองไม่เห็นว่าจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในแง่ของการเตรียมตัววางตัวผู้สมัคร ส.ส.รับมือการเลือกตั้ง การชิงประกาศตัวว่าที่ผู้สมัครเป็นรายจังหวัด รายภาคของพรรคสืบทอดอำนาจ มันก็เป็นเหมือนการแสดงให้เห็นว่าคนที่พรรคของน้องเล็กแอบไปทาบทามไว้นั้นเซย์โนเป็นที่เรียบร้อย
ความที่เป็นพรรคใหม่ต่อให้มีบรรดาที่ปรึกษาทางการเมืองระดับปรมาจารย์ ทว่าคอนเนคชั่นหรือมือประสานสิบทิศไม่แก่พรรษามากพอ แล้วไหนจะต้องรอการตัดสินใจครั้งสุดท้ายจากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ มันจึงทำให้การวางตัวเพื่อภารกิจอยู่ยาวนั้นเต็มไปด้วยข้อจำกัด ขณะเดียวกัน พวกสายตรงที่คุยนักคุยหนาว่าจะกวาดต้อนไพร่พลคนที่เป็น ส.ส.ให้มาสนับสนุนท่านผู้นำ เอาเข้าจริงกลายเป็นแค่ราคาคุย เพราะตัวของคนที่พูดยังไม่มั่นใจในชะตากรรมของตัวเองต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำไป
ไม่ใช่เพียงแค่ต้องแข่งกับพรรคสืบทอดอำนาจเท่านั้น พื้นที่เป้าหมายภาคใต้ยังต้องช่วงชิงกับพวกเดียวกันอย่างภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ รวมไปถึงฝ่ายตรงข้ามอย่างก้าวไกลและประชาชาติด้วย ส่วน กทม.เมื่อมองจากหน้าเสื่อที่เป็นอยู่เวลานี้ พรรคที่ไม่เคยมี ส.ส.เมืองหลวงมาก่อนอย่างภูมิใจไทยเห็นรายชื่อของคนที่ถูกดูดไปอยู่ด้วยก็พอที่จะมีความหวังได้อย่างน้อยก็ 2-3 เก้าอี้ ผิดกับพรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ยังไม่เห็น หรือที่ปรากฏเป็นข่าวก็น่าจะยังห่างชั้นจากคู่แข่ง
ไม่ต้องพูดถึงพื้นที่อื่น ๆ ทั้งเหนือ กลาง อีสาน โอกาสเบียดแทรกนั้นยากเหลือเกิน หากไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมกลโกงทำให้พรรคคู่แข่งต้องมีอันเป็นไป หนทางเข้าสู้เส้นชัยอยู่ยาวของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องยอมรับกันว่ายากเย็นแสนเข็ญ สวนทางกับพี่ใหญ่แม้ความเป็นไปได้ถ้าเทียบกับสองพรรคอย่างเพื่อไทยและภูมิใจไทย แต่การเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ คนที่ 30 อย่างน้อยก็ได้ร่วมรัฐบาลและน่าจะมีโอกาสเลือกกระทรวงที่ดูแลได้อีกต่างหาก
โจทย์ยากอีกประการของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่บอกมาตลอดนั่นก็คือ 250 เสียง ส.ว.ลากตั้งไม่ใช่ของตาย และเป็นตัวต่อรองทีเด็ดเหมือนครั้งที่ผ่านมา เห็นได้จากการเล่นคำผวนเปลี่ยนชื่อพรรคของท่านผู้นำโดย วันชัย สอนศิริ จากรวมไทยสร้างชาติเป็นรวมทาสสร้างชัย ก็พอจะทำให้เห็นแล้วว่าพวกที่เคยสั่งซ้ายหันขวาหันได้เหมือนเดิมหรือไม่ ที่สำคัญคนทั่วไปคิดและมองเหมือนกันเมื่อพี่น้องแยกกันเดิน ส.ว.ลากตั้งก็จะถูกแยกเป็น 2 ฝั่ง หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำไป
ไม่เพียงเท่านั้น จากก่อนหน้านี้ต้องคอยฟังคำสั่งหรือซิกจากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจว่าจะให้พูดหรือส่งสัญญาณเรื่องอะไรเพื่อจะไม่ได้กระทบภาพลักษณ์ แต่ระยะหลัง ส.ว.ต่างกล้าที่จะเสนอแนวคิดที่ไม่เข้าท่า ตั้งแต่การชงแก้รัฐธรรมนูญปลดล็อกห้ามเป็นนายกฯ เกิน 8 ปี จนกระทั่งล่าสุดเสนอให้แจกเงินจูงใจประชาชนไปเลือกตั้งคนละ 500 บาท ติ๊ต่างเอาว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่รู้ไม่เห็นกับข้อเสนอเหล่านี้ แต่การมีที่มาจาก ส.ว.ลากตั้ง คนก็พากันปักใจเชื่อว่านี่เป็นการวางแผนที่จะเอาเปรียบคู่แข่งทุกทาง พากันฉุดคะแนนนิยมของท่านผู้นำให้สาละวันเตี้ยลงไปเสียฉิบ