หุ้นขาลง!

ในที่สุดตลาดหุ้นไทยก็เป็นเหมือนกับ “โมนิก้า” เกริ่นไว้ว่า ผิดเพี้ยนไปจากความจริงค่อนข้างเยอะ ซึ่งเป็นผลมาจากหุ้นจอมป่วนอย่าง DELTA


ในที่สุดตลาดหุ้นไทยก็เป็นเหมือนกับ “โมนิก้า” เกริ่นไว้เมื่อวันก่อนว่า ผิดเพี้ยนไปจากความจริงค่อนข้างเยอะ ซึ่งเป็นผลมาจากหุ้นจอมป่วนอย่าง DELTA ยังแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นเนือง ๆ ผนวกกับผลงานในไตรมาส 4 ของบริษัทจดทะเบียนออกมาแย่กว่าที่ประเมินไว้ จึงมีแรงขายดาบสองออกมาถล่มซ้ำอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยทำท่าจะเป๋หนักอีกรอบไงล่ะคะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” เข้าใจเหตุผลที่ดัชนีแกว่งตัวไปมาตลอดเวลา และเข้าใจถึงการขึ้นมาทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,700 จุดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายก็ผ่านไม่ได้สักทีแบบสิ้นสงสัย เพราะมันไม่มีปัจจัยที่เอื้อให้ดัชนีไปต่อจริง ๆ หรือแม้กระทั่งพยายามหาสตอรี่ใหม่ ๆ เข้ามาดันตลาดหุ้นไทย สุดท้ายก็ไม่มีใครอินกับสตอรี่ดังกล่าวอีกเช่นกัน ส่งผลให้นักเล่นเกิดอาการเซ็งเป็ดกันเป็นแถวพะย่ะค่ะ

ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” ต้องเปลี่ยนมาเม้าท์ถึงหุ้นขาลงที่เริ่มปรากฏตัวถี่ขึ้น เพราะทำให้นักเล่นได้รู้ว่า การลงมาเรื่อย ๆ เที่ยวนี้ถึงจุดรับของหรือยัง? รวมทั้งชี้ให้เห็นว่า การยืนปิดที่ระดับ 1,682.94 จุด ลบไป 1.10 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.65 หมื่นล้านบาท มีประเด็นที่ทำให้วอรี่มากแค่ไหน? หลังนักเล่นกลุ่มก๊วนต่าง ๆ เริ่มออกอาการเหนื่อยใจกับสภาพตลาดหุ้นที่เป็นอยู่ในเวลานี้น่ะซี

เหมือนกับในรายของ SCGP ก็กรุยทางขึ้นไปเรื่อย ๆ พร้อมกับคาดหวังว่า กำไรปี 65 คงไม่แย่! แถมยังมีการบิ้วอารมณ์ล่วงหน้าว่า ผลงานปี 66 น่าจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ แต่ระหว่างนั้นราคาหุ้นกลับไหลลงเรื่อย ๆ ซึ่งสวนทางกับสตอรี่ที่ถูกปล่อยออกมา จนสุดท้ายมีการออกมาเฉลยว่า ผลงานห่วยกว่าที่คิด จึงมีแรงขายถล่มออกมาไม่ยั้ง และเป็นเหตุให้ราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ 53.50 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 3.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.68 พันล้านบาทเจ้าค่ะ

เมื่อตัวลูกมีผลงานย่ำแย่แบบไม่มีใครคาดคิด ก็ทำให้หุ้นตัวแม่รับผลกระทบแบบเลี่ยงไม่ได้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินการอ่อนตัวของ SCC ลงมาปิดที่ระดับ 348 บาท ลบไป 5 บาท หรือลงไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 757 ล้านบาท มันคือสัญญาณของการลงต่อเนื่องหรือเปล่า? เพราะสิ่งที่เห็นเที่ยวนี้คือ กระดาษกำไรลด 30% ปิโตรเคมีก็คงทรุดหนัก และปูนก็คงลดฮวบกระมัง!..ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ

ส่วนในรายของ PTG ก็มีประเด็นกำไรลดคล้ายกับข้างต้น ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้ราคาหุ้นกระโดดลงมาปิดที่ 13.80 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 5.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 741 ล้านบาทอย่างรวดเร็วแบบนี้ “โมนิก้า” กลับมองเป็นโอกาสของการทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตสำหรับคนที่มีเงินเย็น หลังหุ้นลงมาใกล้กับฐานเก่าบริเวณ 13.50 บาท แถมตรงนี้เป็นจุดเด้งกลับที่สำคัญเสียด้วย จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ๆ นะจะบอกให้

สำหรับในรายของ BYD อาจไม่เหมือนกับหุ้นตัวอื่น ๆ เพราะรายนี้ถูกรินขายออกมาตลอดเวลา จนราคาหุ้นอยู่ในทิศทาง “ไซด์เวย์ดาวน์” เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับคิดให้ดีก่อนเข้ามาตะลุย หลังราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 11.90 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 248 ล้านบาท พร้อมกับทำ “นิวโลว์” ในรอบ 4 เดือน มันคงต้องมีอะไรที่มากกว่าเรา ๆ ท่าน ๆ เห็นกันแน่ ๆ นะนายจ๋า!

เช่นเดียวกับหุ้นเหมืองบิตคอยน์ตัวพ่ออย่าง JTS อาจยังเป็นความหวังของมวลมนุษยชาติสายลุย แต่สำหรับตัวอีฉันมองว่า จุดพีกของเหมืองได้ผ่านไปแล้ว ที่เหลือมีแค่ตำนานเล่าขาน เพื่อหลอกล่อให้เม่าหน้าอ่อนบินเข้ากองไฟ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นมองการยืนปิดที่ระดับ 48 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50 ล้านบาท โดยที่หุ้นอยู่ในช่วงแกว่งตัวออกด้านข้างแบบนี้..น่าเล่นจริงเหรอพ่อคุณ!

ส่วนรายที่ถูกขายรอบใหม่อย่างหุ้น RBF ก็มีประเด็นชวนให้คิดมากมายหลายอย่าง เพราะการที่หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 13.70 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 4.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 146 ล้านบาท อาจตีความได้ว่า ต้องมีแอคซิเดนท์บางอย่างแน่ ๆ บรรดากองทุนถึงสาดหุ้นออกมาหนัก จนหุ้นอยู่ในทิศทางหัวปักลงดิน และทำให้มูฟเมนต์ของหุ้นดูไม่ดีเอาเสียเลย..คุณ ๆ คิดเหมือนอีฉันไหมเอ่ย?

Back to top button