หุ้นรับผลบวก-ลบ ดอกเบี้ยขึ้น
เมื่อวานนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% สู่ระดับ 1.50% ตามคาด
เมื่อวานนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% สู่ระดับ 1.50% ตามคาด
และเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 61
แต่สิ่งที่อาจจะดูเหนือคาด และเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก
เมื่อแบงก์ชาติส่งสัญญาณว่า อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป
หรือปรับขึ้นไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ
เป้าหมายเพื่อคุมเงินเฟ้อให้ลงมาอยู่ในกรอบ 1-3% ให้ได้
และคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงปลายปีนี้
ก่อนหน้านี้บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินไปอีกอย่างกับที่แบงก์ชาติส่งสัญญาณ
ตลาดคาดการณ์กันว่า แบงก์ชาติน่าจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งล่าสุดนี้
ต่อจากนั้นจะหยุดพักเพื่อรอดูสถานการณ์ต่าง ๆ
แล้วอาจจะไปปรับขึ้นอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในช่วงปลายปี 2566
เมื่อแบงก์ชาติส่งซิกออกมาแบบนี้
ทำให้ตลาดหุ้นไม่ค่อยตอบรับมากนัก เพราะดอกเบี้ยขาขึ้น กับตลาดหุ้นมักไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่
หุ้นกลุ่มธนาคาร แม้ว่าจะรับผลบวกจากเรื่องดอกเบี้ยขาขึ้น
จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่จะกว้างได้อีก
แต่ยังมีจุดที่ต้องระวังจากภาระการจ่ายหนี้ของลูกหนี้ในช่วงที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น และอาจจะทำให้เผชิญกับหนี้เสีย หรือ เอ็นพีแอลตามมา
ถามว่านายแบงก์ต่างทราบปัญหาไหม
คำตอบคือ “ทราบ”
ดังนั้น ในระยะสั้น อาจจะยังไม่เห็นแบงก์ต่าง ๆ ปรับขึ้นดอกเบี้ยตามแบงก์ชาติได้เร็วนัก
เพราะอีกด้านยังต้องระวังเรื่องของหนี้เสียด้วย
หรือหากจะปรับขึ้นจริง
เข้าใจว่า แบงก์ต่าง ๆ อาจจะยังไม่ได้ดึงดอกเบี้ยขึ้นมาสูงมากนัก
กลุ่มไฟแนนซ์ เมื่อวานนี้ราคาลงทันทีหลังแบงก์ชาติส่งข่าวร้ายออกมา
เพราะไฟแนนซ์กับดอกเบี้ยขาขึ้น อาจจะส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินของบรรดาไฟแนนซ์ให้สูงขึ้นได้อีก
ขณะที่ดอกเบี้ยกลับถูกคุมจากหน่วยงานกำกับเช่น แบงก์ชาติ และรวมถึง สคบ.
ในระยะสั้น นักวิเคราะห์แนะนำรอราคาย่อตัว แล้วให้ทยอยสะสม เพราะแม้ว่าจะมีปัจจัยลบเข้ามา
ส่วนอีกด้านยังมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว การขายหนี้ของลูกหนี้ (ไฟแนนซ์) น่าจะดีขึ้น รวมถึงการนำทะเบียนรถมาจำนำเพื่อไปทำธุรกิจค้าขาย
อีกกลุ่มที่ต้องระวัง คือ หุ้นที่มี D/E สูง ๆ หรือหนี้เยอะ
เพราะหากดอกเบี้ยขึ้น จะทำให้ภาระหนี้เพิ่มขึ้นไปอีก และไปกดกำไรให้ลดลง
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นวันที่ 29 มี.ค. 66
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินว่า กนง.น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกแน่ ๆ ในการประชุมครั้งต่อไป
ก่อนจะตรึงไว้ที่ระดับดังกล่าว