Valuation ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างตึงตัว
ภาพตลาดหุ้นไทย InnovestX ยังคงมุมมองว่าดัชนียังมี Upside จำกัดและต้องระวังการปรับฐาน หลังตลาดมี Valuation ค่อนข้างตึงตัว
InnovestX มองมีประเด็นน่าสนใจ 3 ประเด็น คือ 1) มุมมองที่แตกต่างระหว่างตลาดและ Fed เริ่มชัดเจนขึ้น ทำให้เกิดกระแส Bad news is bad news และเริ่มส่งผลกระทบต่อการลงทุนในสหรัฐฯ ชัดเจนขึ้น 2) ภาพเศรษฐกิจยุโรปที่แม้ว่ายังจะแย่อยู่ แต่แนวโน้มอาจดีกว่าหลายฝ่ายคาด และ 3) ภาพเศรษฐกิจและการลงทุนที่แตกต่างระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา โดยในประเด็นแรก จะเห็นได้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีทิศทางชะลอตัวรุนแรงขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อชะลอลงชัดเจนขึ้น เช่นเดียวกับรายงาน Beige Book ของ Fed สาขาต่าง ๆ ผู้ประกอบการยังบ่งชี้ชัดเจนว่าแรงกดดันด้านราคาชะลอลงแล้ว ขณะที่ยอดขายน่าจะเติบโตต่ำมากในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม การที่ Fed ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องแม้ตัวเลขเศรษฐกิจจริงขัดแย้งเช่นนี้จะทำให้ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยมีมากขึ้น
ในประเด็นที่สอง สาเหตุที่เศรษฐกิจยุโรปมีสัญญาณดีขึ้น ทั้งจากตัวเลข GDP เยอรมนี รวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ไม่หดตัวตามคาด และจากเงินเฟ้อที่ชะลอลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอุณหภูมิในฤดูหนาวที่อุ่นกว่าปกติ ทำให้ปัญหาการขาดแคลนพลังงานลดลง ขณะที่การเปิดประเทศของจีนก็มีส่วนทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปที่เป็นคู่ค้าหลักดีขึ้น อย่างไรก็ตาม InnovestX ยังมีมุมมองค่อนข้างระมัดระวังในยุโรป เนื่องจากการเปิดประเทศของจีนอาจทำให้ราคาโภคภัณฑ์สูงขึ้น กดดันทำให้เงินเฟ้อยุโรปลงยากขึ้น และอาจทำให้ ECB ต้องขึ้นดอกเบี้ยสูงในระยะต่อไป
ในประเด็นสุดท้าย InnovestX มองว่า ภาพการเติบโตที่แตกต่างมากขึ้นระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่มีมากขึ้น โดยเฉพาะการเปิดประเทศของจีนและการฟื้นตัวขึ้นบ้างของราคาโภคภัณฑ์ จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของประเทศตลาดเกิดใหม่ นอกจากนั้น พื้นฐาน ศก. ของตลาดเกิดใหม่ที่ดีทำให้น่าจะสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องท่ามกลางความผันผวนในปีนี้ จึงทำให้การลงทุนในตลาดเกิดใหม่ยังคงดีต่อเนื่อง
ส่วนภาพตลาดหุ้นไทย InnovestX ยังคงมุมมองว่าดัชนียังมี Upside จำกัดและต้องระวังการปรับฐาน หลังตลาดมี Valuation ค่อนข้างตึงตัว อีกทั้งช่วงสั้นยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ๆ และอยู่ระหว่างรอดูผลประกอบการไตรมาส 4/65 ของ Real Sector ที่จะกำลังทยอยประกาศออกมา ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ไม่ไล่ราคา ดังนี้
1)หุ้นที่คาดได้รับอานิสงส์เม็ดเงินสะพัดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจากการเข้าใกล้สู่ช่วงการเลือกตั้งของไทย เลือก BEC, CENTEL, CPN, MAJOR, MINT
2)หุ้นที่คาดผลประกอบการไตรมาส 4/65 เติบโตดี และยังมี Valuation น่าสนใจ เลือก BJC, CPALL, BCP, BDMS, BEM, GFPT
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำให้ เพิ่มความระมัดระวัง หรือ หลีกเลี่ยงการลงทุนออกไปก่อน สำหรับหุ้นที่มีปัจจัยเสี่ยงกดดันผลประกอบการ อาทิ หุ้นอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากบาทแข็งค่าและผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีของโลกมีแนวโน้มอ่อนแอต่อในไตรมาส 4/65 และหุ้นขุดเหมืองซึ่งแม้ช่วงสั้นจะได้รับ sentiment บวกจากการปรับขึ้นของราคา bitcoin แต่ยังต่ำกว่าจุดคุ้มทุน เนื่องจากมีต้นทุนไฟฟ้าที่สูง จึงทำให้ผลประกอบการยังมีความเสี่ยงขาดทุน