BBL คุณภาพสินเชื่อดี NPL ลดลง
BBL รายงานผลการดำเนินงานปี 65 มีกำไร 29,305.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.56% จากปี 64 โดยมีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 24.4% มาที่ 102,223 ล้านบาท
คุณค่าบริษัท
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL มีเงินให้สินเชื่อกระจายตัวในหลายประเภทธุรกิจ โดยมีสัดส่วนสินเชื่อในอุตสาหกรรมการผลิตและพาณิชย์ 30.8% สาธารณูปโภคและบริการ 19.7% สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 12.5% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง 7.3% เกษตรและเหมืองแร่ 3.3% ธุรกิจอื่น ๆ 26.4% ยอดเงินให้สินเชื่อลดลงจากสิ้นไตรมาส 3/2565 ส่วนใหญ่จากอุตสาหกรรมการผลิตและพาณิชย์ ขณะที่เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 ส่วนใหญ่จากภาคธุรกิจอื่น ๆ
BBL รายงานผลการดำเนินงานงวดปี 2565 มีกำไรสุทธิ 29,305.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.56% จากงวดปี 2564 โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 24.4% มาที่ 102,223 ล้านบาท จากการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เพิ่มขึ้นเป็น 2.42% ดีขึ้นจากปี 2564 ที่ NIM อยู่ที่ 2.10% สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยและการบริหารสภาพคล่องของธนาคาร
ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 30.0% ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงิน (พอร์ตการลงทุน) ซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการลดลงจากธุรกิจหลักทรัพย์, ประกันผ่านธนาคารและกองทุนรวม ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมจากสินเชื่อและบริการการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น ด้านอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 49.7% ดีขึ้นจาก 50.0% ในปี 2564 ด้านต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 1.02% สูงขึ้นจากปี 2564 ที่ 0.94%
ทั้งนี้ BBL ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) จำนวน 32,647 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากปี 2564 BBL ระมัดระวังในการตั้งสำรองโดยพิจารณาถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจกระทบต่อไทย
ณ สิ้นปี 2565 BBL มีพอร์ตสินเชื่อจำนวน 2,682,691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% จากสิ้นปี 2564 แต่ลดลง 4.1% จากไตรมาส 3/2565 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่และกิจการต่างประเทศ ส่วนอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL Ratio) สามารถบริหารจัดการได้ที่ 3.1% ด้านอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Coverage Ratio) อยู่ที่ 260.8% สูงขึ้นจากระดับ 225.8% เมื่อสิ้นปี 2564 สะท้อนความแข็งแกร่งของระดับการตั้งสำรองหนี้
BBL มีกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2565 จำนวน 7,569.47 ล้านบาท ลดลง 1.14% จากไตรมาส 3/2565 แต่หากเทียบกับไตรมาส 4/2564 เพิ่มขึ้น 19.81% เนื่องจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล อีกทั้งรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดด้วยมูลค่ายุติธรรม (FVTPL) ตามสภาวะตลาด ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ไตรมาส 4/2565 ซึ่งอยู่ที่ 3.86% เมื่อเทียบไตรมาส 3/2565 ที่ 3.36% ตามการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาด ขณะที่ BBL มีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ลดลง 20% จากไตรมาส 3/2565
บล.เคจีไอ ระบุว่า คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น และค่าใช้จ่ายสำรองลดลง ตัวเลขสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 9% จากไตรมาส 3/2565 และ 4% จากไตรมาส 4/2564 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้ BBL ลดค่าใช้จ่ายด้านเครดิต (credit cost) ลงเหลือ 1.18% ในไตรมาส 4/2565 (จาก 1.40% ในไตรมาส 3/2565) และเหลือ 1.21% ในปี 2565 จากการที่ธนาคารบันทึกรายการขาดทุนทางบัญชี FVTPL ก้อนใหญ่ จึงคิดว่ารายการนี้จะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 1/2566 ตามตลาดทุนที่ดีดตัวสูงขึ้น
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น BBL ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 31 ม.ค. 2566 ที่ 158.50 บาท) ซื้อขายกันที่ P/E 10.78 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ย P/E กลุ่มธนาคารที่ 8.83 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น BBL อยู่ที่ 0.59 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 0.71 เท่า