อึมครึมจนไม่กล้าขยับโมนิก้าและทีมงาน
*สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเรียกว่าอึมครึมก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าสดใสก็ไม่เชิง เพราะรูปแบบของดัชนีที่ปรับตัวขึ้นๆ ลงๆ เหมือนคนพายเรืออยู่ในอ่างจนกลายเป็นแพตเทิร์นที่ นักลงทุนเจอจนชินไปเสียแล้ว และรูปการณ์ของดัชนีจะเป็นเช่นนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง ยิ่งถ้าหากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาให้เห็นด้วยแล้วละก็... “โมนิก้า” บอกเลยว่าทำใจให้ชินไปเลยดีกว่าค่ะ
*สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเรียกว่าอึมครึมก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าสดใสก็ไม่เชิง เพราะรูปแบบของดัชนีที่ปรับตัวขึ้นๆ ลงๆ เหมือนคนพายเรืออยู่ในอ่างจนกลายเป็นแพตเทิร์นที่ นักลงทุนเจอจนชินไปเสียแล้ว และรูปการณ์ของดัชนีจะเป็นเช่นนี้ไปอีกสักระยะหนึ่ง ยิ่งถ้าหากยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาให้เห็นด้วยแล้วละก็… “โมนิก้า” บอกเลยว่าทำใจให้ชินไปเลยดีกว่าค่ะ
*ส่วนจะไปตีฆ้องร้องเปล่าโทษใครก็คงไม่ได้ เพราะ “โมนิก้า” เคยเตือนแล้วว่า ช่วงนี้ตลาดค่อนข้างผันผวนอย่างแรง โดยเฉพาะคนที่ชอบเข้าไปเล่นของร้อน ย่อมมีสิทธิ์มือไม้พองเป็นธรรมดา เอาเป็นว่าใครที่ไม่ชอบเสี่ยงกับภาวะตลาดเช่นนี้ ก็ขบคิดให้ดีเสียก่อนจะเข้าไปตะลุมบอน เพราะถ้าพลาดพลั้งขึ้นมาละก็ ต่อให้มีเงินถุงเงินถัง ก็อาจถึงขั้นกินขนมถังแตกประทังชีวิตไปเลยนะคะ
*งานนี้ขอบอกตามตรงว่า ไม่ต้องถึงกับแสดงอาการกระต่ายตื่นตูม และให้นึกเสียว่า มีร้ายก็ต้องมีดี ถ้ามองให้เห็นถึงแก่นแท้ของตลาดกันจริงๆ ก็ถือว่าเป็นปกติ เพราะการที่ดัชนีผันผวนอย่างนี้อาจรอขยับขึ้นเพื่อไต่ระดับขึ้นไปหาดัชนี เป้าหมายในช่วงท้ายปีนี้ก็เป็นได้ อย่าเพิ่งขวัญหนีดีฝ่อกับ ภาวะตลาดไปเสียก่อน คนที่มีเงินเย็นจะทยอยเลือกหุ้นพื้นฐานดีมีอนาคตสะสมไว้ในพอร์ตก็น่าจะเป็นโอกาสทอง
*ถึงกระนั้น “โมนิก้า” ยังคงยึดถือแนวทางการลงทุนทางด้าน “พื้นฐาน” กับ “เทคนิค” เป็นสรณะ จึงไม่ต้องกังวลใจว่า เดี๊ยนไม่มีแนวทางการลงทุนที่ชัดเจน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้พูดออกไปนั้น มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของตลาดหุ้นในช่วงนั้นว่ามีประเด็นร้อนให้น่าติดตามเยอะขนาดไหน? ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์ในตอนนี้ เหลือหุ้นอยู่ไม่กี่ตัวที่น่าลงทุนในช่วงตลาดหุ้นผันผวนหรอกนะจ๊ะ
*ครั้งนี้นำทัพโดย BMCLกระชากขึ้นอย่างร้อนแรงตั้งแต่เปิดตลาด ก่อนจะมาปิดที่ 2.08 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 420 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือว่าเป็นผลพวงมาจากข่าวเรื่องข่าวการควบรวมกิจการที่จะรู้ผลในสัปดาห์หน้า แต่เผอิญบรรยากาศการลงทุนไม่เป็นใจสักเท่าไหร่ กองหนุนที่เหลือเลยเกิดอาการกล้าๆ กลัวๆ สถานการณ์ของหุ้นถึงดีไม่สุดไงล่ะค่ะ
*เหมือนกับในรายของ HFT อาศัยขึ้นวันละนิดวันหน่อย ตามประสาหุ้นที่มีนกรู้เข้ามาเก็บเป็นระยะ ล่าสุดวิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.15 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 7% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 240 ล้านบาท มันเป็นเรื่องที่เดี๊ยนเคยแนะนำให้แฟนคลับตามดูหุ้นตัวนี้มาพักใหญ่ๆ และสิ่งที่ต้องคิดถัดมาในครั้งนี้คือ หุ้นจะขึ้นไปยืนปิดเหนือ 7 บาทได้หรือเปล่า งานนี้ต้องตามดูกันเอาเองนะคะ
*ส่วนน้องใหม่ไฟแรงอย่าง SCI เดี๊ยนมองว่า หลังๆ มานี้โดนเทขายอย่างหนักจนไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรก็จริง แต่ราคาหุ้นในระดับที่ต่ำกว่า 8 บาท ยังเป็นอะไรที่น่าลงทุนสุดๆ เพราะเมื่อคิดบนค่า P/E เป็นที่ตั้งจะเห็นว่า ตรงนี้ยังเป็นจุดที่นักลงทุนน่าจะทยอยสะสมหุ้นมากที่สุดจุดหนึ่ง ล่าสุดหุ้นปิดที่ 8 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 2.60% มูลค่าซื้อขาย 295 ล้านบาท มันเป็นจังหวะของการไหลตามน้ำนะคะ
*มาต่อที่หุ้นเทคนิคสวยอีกตัวที่น่าสนใจอย่าง PIMO ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นผ่านเส้นค่าเฉลี่ยทุกเส้นไปได้อย่างสวยสดงดงามจนราคาหุ้นขึ้นมาปิดล่าสุด 2.16 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 4.85% มูลค่าการซื้อขาย 86 ล้านบาท ยิ่งมีกูรูเชียร์ด้วยแล้ว เดี๊ยนมองว่าราคาหุ้นคงจะไม่หยุดแค่นี้อย่างแน่นอน งานนี้ยาวๆ กันไปเลย เพราะราคาเป้าหมายที่เม้าท์จนปากเปียกปากแฉะอยู่แถวๆ 2.70 บาทเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับกรณีของ THCOM ราคาหุ้นเริ่มทะยานให้เห็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ “โมนิก้า” เห็นเป็นเรื่องบุญเก่าสะสมแล้วกลับมาได้รับอานิสงส์ บวกกับมีข่าวลงทุนใหม่เข้ามาช่วยเสริมบุญ จึงทำให้ราคาหุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ 25 บาท บวกไป 0.40บาท หรือ ขึ้นไป 1.60% มูลค่าซื้อขาย 370 ล้านบาท ถ้ามองในมุมของนักเล่นหุ้น บอกได้เลยว่าเรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ แต่ถ้ามองในเรื่องของบุญที่ทำไว้ ก็เป็นอะไรที่ต้องคิดหนักเหมือนกันเจ้าค่ะ
*คราวนี้กลับมามองที่หุ้นเล็กอย่าง CHUO กันนิดหนึ่งดีกว่า ก่อนหน้านี้ราคาหุ้นเด้งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยในช่วงต้นปีขึ้นไปถึง 22 บาทเชียวน่ะ แต่ล่าสุดราคาหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 6.05 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 3.20 % “โมนิก้า” กล้าพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่า นี่คือเกมล่อแมงเม่าบินเข้ากองไฟ และดูเหมือนว่า แมงเม่าจะตายเกลื่อนพื้นเสียด้วย..จึงขอแสดงความเสียใจไว้ ณ ตรงนี้…R.I.P.
*ก่อนจากกันขอทิ้งท้ายว่า ในเมื่อผู้เล่นหลักอย่างกองทุน ปอบผีฟ้า และฝรั่งตาน้ำข้าว ยังสาดหุ้นออกมาไม่เลิก มันก็เป็นธรรมดาที่ตลาดหุ้นจะอยู่ในภาวะซึมกระทือ ซึ่งเห็นได้จากดัชนีโรยตัวลงมาปิดที่ 1,363.13 จุด ลบไป 2.68 จุด มูลค่า 2.47 หมื่นล้านบาท สะท้อนถึงอาการกลัวจนไม่กล้าขยับได้เป็นอย่างดี…