พาราสาวะถี

เหตุผลสำคัญที่ทำให้พรรครวมไทยสร้างชาติไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่คาดหวังกันไว้ ทั้งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอุตส่าห์ทุ่มสุดตัวกระโจนเข้าสู่สนามการเมือง ถูกชูให้เป็นทั้งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคและรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 แต่ก็ยังไม่สามารถกวักมือเรียก ส.ส.ระดับบิ๊กเนมให้ย้ายคอกไปร่วมชายคาได้ นั่นเป็นเพราะขุมกำลังระดับนำหรือการบริหารจัดการภายในพรรคทั้งหมดล้วนแต่ถูกบัญชาการโดยหัวขบวนม็อบนกหวีดนั่นเอง

อย่าว่าแต่บรรดานักเลือกตั้งที่เป็นพวกเสือหิวทั้งหลายต้องอยู่ในภาวะหยุดชะงักเพื่อประเมินท่าทีก่อนตัดสินใจทางการเมือง รัฐมนตรีสายตรงที่ประกาศไปไหนไปกันกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอย่าง “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น จากเดิมที่ตกลงกันดิบดีถ้าทิ้งพรรคสืบทอดอำนาจมาแล้ว จะได้เก้าอี้แม่บ้านพรรคใหม่ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นการเสริมบารมี มาจนถึงนาทีนี้ไม่มีท่าทีว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง จึงทำให้ต้องคิดหนักอยู่ไม่น้อย

จากที่ว่าแน่เลยกลายเป็นเอาแน่เอานอนไม่ได้ ประกอบกับพรรคสืบทอดอำนาจบ้านใหญ่แห่งชลบุรี ตระกูลคุณปลื้มจะย้ายออกไปสังกัดเพื่อไทย จึงไม่แน่ว่าถ้าสิ่งที่ตกลงกันไว้ไม่เป็นไปตามนั้น เสี่ยเฮ้งอาจกลับลำหวนคืนสู่อ้อมอกของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.อีกคำรบ ซึ่งนั่นก็จะทำให้งานงอกกับพรรคของน้องเล็กเพราะพวกที่มาช่วยทำพรรคอาจได้ชื่อว่าอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน แต่การกรำศึกสู้รบในสนามฐานะคนบริหารจัดการนั้นยังห่างชั้นกับพรรคอื่น ๆ อยู่มาก

ขนาด ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ที่ว่ารักผู้นำเผด็จการสุดขั้วหัวใจ มีการไปลงพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีถึงสองรอบ แม่ของเจ้าตัวก็มาให้การต้อนรับขับสู้ท่านผู้นำอย่างออกนอกหน้า จนถึงเวลานี้ยังไม่ยอมแสดงท่าทีเปลี่ยนใจทิ้งพี่ใหญ่ไปหาน้องเล็ก ย่อมเป็นภาพสะท้อนอาการแหยงปนสยองของนักเลือกตั้งที่เห็นภาพบุคคลที่ยืนอยู่เบื้องหลังผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแล้ว หลังเลือกตั้งหากพรรคดังว่าได้ร่วมรัฐบาลโอกาสที่จะเป็นใหญ่เป็นโตคงเป็นไปได้ยาก

ปัญหาของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ได้อยู่ที่ว่าพรรคจะต้องหาตัวผู้สมัครที่จะการันตีเก้าอี้ 25 ส.ส.เพื่อสิทธิ์ในการเสนอแคนดิเดตนายกฯ ให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาเท่านั้น สภาพจิตใจของท่านผู้นำที่จะรับแรงกระแทกจากการเมืองฝ่ายตรงข้ามยังไม่แกร่งพอ จุดใหญ่ใจความก็คือเป็นคนที่ไม่ยอมรับฟังความเห็นของคนอื่น คิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองดี และไม่ชอบให้ใครมาเรียกร้องโน่นนี่นั่น มันผิดวิสัยของคนที่จะเป็นนักการเมืองอาชีพ

บททดสอบแรกที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงครามเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ทำให้เห็นแล้วว่า การถูกเกษตรกรยื่นข้อเรียกร้องให้แก้ปัญหาราคาผลไม้ถ้าทำสำเร็จจะเลือกให้เป็นนายกฯ อีก 2 ปี ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจถึงกับปรี๊ดแตกทันที ไม่ชอบที่มากดดันต่อรองแบบนี้ และไม่จำเป็นที่จะต้องมาสนับสนุนกันเพื่อแลกเปลี่ยนแบบนี้ รังสิมา รอดรัศมี ที่ตั้งใจย้ายออกจากพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมชายคากับท่านผู้นำถึงกับสะอึกไปไม่เป็น ที่กลัวสอบตกน่าจะเป็นจริง เข้าข่ายหนีเสือปะจระเข้แท้ ๆ

ส่วนอาการของสภาผู้แทนราษฎรก่อนจะมีการประชุมญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ สัญญาณจากพรรคภูมิใจไทยเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่อยากสังฆกรรมกับรัฐบาลปัจจุบันอีกต่อไปแล้ว หลังเสียงเรียกร้องของสองศุภชัยให้ผู้นำเผด็จการฯ ยุบสภา ล่าสุด ก็มีการส่งซิกจะไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมในวันที่มีการพิจารณา ตามมาด้วยการไม่คอนเฟิร์มว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่จาก อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ก็เท่ากับเป็นการยืนยันไปในตัว

ผลพวงมาจากร่างกฎหมายกัญชาที่ถูกยื้อจนรอเวลาหมดวาระของสภาชุดนี้ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงต้องมีการเอาคืน แต่งานนี้จะเป็นการหนีการถูกซักฟอกในส่วนรัฐมนตรีของพรรคด้วยหรือไม่ สังคมจะเป็นผู้ให้คำตอบเองในวันที่มีการเลือกตั้ง มาถึงตรงนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าทำให้ทุกอย่างจบ ๆ ไป แล้วไปวัดกันในวันหย่อนบัตร ท่วงทำนองของหัวหน้าและคนพรรคนี้อย่าไปยึดติดว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามนั้น ที่ว่าไม่ร่วม ไม่รวม ไม่จับมือกับคนนั้นพรรคนี้ ให้รอดูกันหลังรู้ผลคะแนนเลือกตั้งก็แล้วกัน

สำหรับโอกาสที่จะเป็นขั้วการเมืองเดิม หากตัวเลขหลังเลือกตั้งเป็นไปตามที่หลายสำนักมีการคาดการณ์ไว้ ไม่น่าจะมีทางเป็นไปได้ แม้ว่าพรรคของเสี่ยหนูจะพยายามพลิกเกมในการเป็นแกนหลักตั้งรัฐบาลโดยการไม่เอาเพื่อไทย หรือไม่ร่วมงานกับก้าวไกล แต่จำนวน ส.ส.ที่มีอยู่ในมือไม่สามารถขยับไปทางใดได้ ประชาธิปัตย์ก็คงยากที่จะคบด้วย ขณะที่พรรคสืบทอดอำนาจพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ก็ไม่ยอมแบกเสลี่ยงให้น้องเล็กนั่งอีกต่อไปแล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น หากไม่ใช่พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง แต่จะใช้กลเกมเสียง ส.ว.ลากตั้งมาสนับสนุน แม้อนุทินจะสมหวังได้นั่งเก้าอี้นายกฯ คนที่ 30 แต่การต่อรองเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีก็จะกลับข้างจากที่เป็นผู้กุมชะตากรรม ได้รับกระทรวงเกรดเอไปดูแล ครั้งหน้าพรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็จะเป็นฝ่ายขอบ้าง และเมื่อสแกนไปยังผู้อยู่เบื้องหลังพรรคของท่านผู้นำแล้ว กระทรวงคมนาคมที่พรรคของเสี่ยหนูหวงนักหวงหนาก็ไม่น่าจะได้กลับมาดูแลเหมือนเดิม

การเมืองเรื่องของผลประโยชน์ ความเป็นศัตรูจะถูกละทิ้งหากทุกอย่างตกลงกันได้ ย้ำอีกครั้งถ้าไม่มีอะไรพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน การเจรจาตั้งรัฐบาลครั้งหน้าคืบหน้าไปไกลมากแล้ว จนยากที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะขออยู่ยาวอีกต่อไปได้ แต่อย่าลืมเป็นอันขาดปมแบ่งเขตเลือกตั้งที่ กกต.ตั้งโต๊ะแถลงยกเอาความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกามายันว่าสามารถรวมเอาต่างด้าวหรือคนที่ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณแบ่งเขตเลือกตั้งได้

ปรากฏว่า วิษณุ เครืองาม ออกมาแสดงความกังวลถึงขั้นเสนอว่าควรจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อความชัวร์มากกว่า อาการแบบนี้หากยังดันทุรังต่อไปจนจบการเลือกตั้ง ก็หวั่นใจกันว่าถ้ามีใครไปร้องแล้วผลชี้ให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ 7 เสือ กกต.จะรับผิดชอบกันหรือไม่ ไม่ต้องถามอีกว่าใครจะได้ประโยชน์จากการดำเนินการเช่นนี้