ChatGPT vs Bard บนสมรภูมิ AI

ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Sundar Pichai ซีอีโอ Alphabet บริษัทแม่ Google ประกาศผ่านบล็อกอย่างเป็นทางการว่า เตรียมจะเปิดตัว Bard เทคโนโลยี AI Chatbot ที่ขับเคลื่อนด้วยโมเดล LaMDA แม้เวอร์ชันนี้จะเป็น LaMDA ตัวเล็ก เพื่อให้ทำงานกับผู้ใช้ได้ง่ายขึ้น แต่ว่าประสิทธิภาพไม่ด้อยกว่า GPT 3.5 พร้อมระบุชัดว่า Bard จะกลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ ChatGPT จากค่าย OpenAI ที่มี Microsoft อยู่เบื้องหลัง

สำหรับ Bard เป็นชื่อ AI Chatbot ที่ Google เตรียมเปิดให้คนทั่วไปใช้ หลังผ่านการทดลองภายในองค์กรมาแล้ว โดยของเล่นใหม่จาก Google นี้ใช้เทคโนโลยี LaMDA (Language Model for Dialogue Applications) เป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ของ Google หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าแบบจำลองภาษาสำหรับแอปพลิเคชันการสนทนาของ Google นั่นเอง โดยขั้นตอนหลังจากนี้ บริษัทจะทำการทดสอบแวดวงผู้ทดสอบที่เชื่อถือได้ก่อนจากนั้นจึงจะเปิดให้บริการวงกว้างมากขึ้น

โดย Google เริ่มนำร่องใช้งานบน Search Engine ก่อน และมีแผนทำให้ Bard ช่วยรวบรวมกลั่นกรองข้อมูลที่มีความซับซ้อนจากหลาย ๆ มุมมอง มีการแสดงตัวอย่างความฉลาดของ Bard ด้วยการจำลองสถานการณ์ที่ผู้ปกครองต้องการอธิบายเรื่องกล้องโทรทรรศน์อวกาศ “เจมส์ เวบบ์” ให้กับเด็ก 9 ขวบฟัง และ Bard จะทำหน้าที่ย่อยข้อมูลเป็นเรื่องเล่าสนุก ๆ พร้อมศัพท์ที่ไม่ยากให้เด็กเข้าใจง่ายโดยทันที

ช่วงแรก Google Bard จะเปิดให้นักทดลองที่เชื่อถือได้เข้าไปทดสอบใช้งานกันก่อน จากนั้นถึงจะค่อย ๆ เปิดให้บุคคลทั่วไปได้ใช้งานทีละนิด ก่อนที่จะเปิดให้ใช้งานแบบเต็มรูปแบบ (Public Release) แต่ทั้งนี้ Google ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่า Bard จะทำอะไรได้อีกบ้างนอกจากจะช่วยย่อยข้อมูลบน Search Engine เพียงอย่างเดียว

เมื่อปลายเดือน พ.ย. 65 ที่ผ่านมากลุ่ม OpenAI มีการเปิดตัว ChatGPT และกลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว มีผู้คนทวีตคำถาม เช่น “NFTs ตายแล้วหรือยัง.?” และคำขอเช่น “เล่าเรื่องตลกขบขันเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านภาษีของการทำงานทางไกลระหว่างประเทศ” รวมถึงภาพหน้าจอการตอบสนองของ ChatGPT ที่มักจะสมเหตุสมผลอีกด้วย

สำหรับ ChatGPT ได้รับการพัฒนาโดย OpenAI ในซานฟรานซิสโก เป็นบริษัทวิจัยที่นำโดย Sam Altman และได้รับการสนับสนุนจาก Microsoft ChatGPT เป็นรูปแบบหนึ่งของซอฟต์แวร์สร้างภาษา GPT-3.5 ยอดนิยมของ OpenAI ที่ออกแบบมาเพื่อดำเนินการสนทนากับผู้คน ฟีเจอร์บางอย่างของมันรวมถึงการตอบคำถามที่ตามมา การท้าทายสถานที่ที่ไม่ถูกต้อง การปฏิเสธคำถามที่ไม่เหมาะสม กระทั่งการยอมรับข้อผิดพลาด และรับการฝึกอบรมเกี่ยวกับข้อมูลจำนวนมหาศาล

จากเว็บไซต์ OpenAI แชทบอทตัวนี้เรียนรู้โดยใช้วิธี Reinforcement Learning from Human Feedback (RLHF) ทุกครั้งที่คุณถามคือการฝึกอบรมรวมเกี่ยวกับบทสนทนา และมีการจัดให้มีคุณภาพดีขึ้นเรื่อย ๆ และมีการสร้างโมเดลผ่านข้อความแบบวิธี Proximal Policy Optimization (PPO) วิธีนี้จะสามารถให้เพิ่มความรู้ได้

การเปิดระหว่าง Google กับ ChatGPT ครั้งนี้ถือเป็นสงครามกลางสมรภูมิ AI ที่สำคัญมันคือศึกของ 2 ช้างสารแห่งโลกเทคโนโลยีที่มี AI เป็นอาวุธลับสำคัญอย่างยิ่ง

เอาล่ะ..ไม่ว่าศึก 2 ค่ายยักษ์นี้จะจบลงอย่างไร แต่มันกลายเป็นเรื่องดีสำหรับผู้ใช้งานที่มีโอกาสเลือกได้ทั้ง ChatGPT และ Bard แต่บทสรุปเบื้องต้นชัดเจนแล้วว่าโลกแห่ง AI มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว..!?