ระวังหุ้นฝรั่งเทขาย

นับจากวันที่ 30 ม.ค. 66 มาจนถึงเมื่อวานนี้ (8 ก.พ. 66) นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยไปแล้วกว่า 1.65 หมื่นล้านบาท


นับจากวันที่ 30 ม.ค. 66 มาจนถึงเมื่อวานนี้ (8 ก.พ. 66)

นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยไปแล้วกว่า 1.65 หมื่นล้านบาท

หลังจากในปี 2565 ต่างชาติซื้อสุทธิเข้าพอร์ตไปกว่า 2 แสนล้านบาท

และเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาซื้อสุทธิ 1.8 หมื่นล้านบาท

มีคำถามว่า แล้วต่างชาติจะขายต่อไปอีกหรือเปล่า

คำตอบจากนักวิเคราะห์ที่เกาะติดกับการซื้อขายนักลงทุนต่างประเทศบอกว่า น่าจะขายต่อเนื่อง หรือยาวไปจนถึงการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ ในครั้งถัดไป

ประมาณวันที่ 22 มี.ค. 66

เพียงแต่ว่า ในช่วงวันนับจากนี้ไปจนถึงเกือบปลายเดือน ม.ค.นี้

อาจจะมีบางวันที่เขาจะสลับเข้ามาซื้อบ้าง

แต่จะเป็นการซื้อน้อยกว่าขาย

ทำให้ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ มีโอกาสที่ต่างชาติจะมียอดขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย

ค่าเงินดอลลาร์ และเงินบาทที่ค่อนข้างผันผวนนับจากต้นปีมาจนถึงตอนนี้

ว่ากันว่า ทำให้ต่างชาติมีส่วนต่างกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนมากกว่า 20%

บวกกับหุ้นที่เก็บเข้าพอร์มาต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อนหน้า

เท่ากับว่า ณ ปัจจุบัน ต่างชาติน่าจะมี “กำไรสองเด้ง” ทั้งจาก “ส่วนต่างราคาหุ้น” หรือ Capital Gain และ “อัตราแลกเปลี่ยน”

ไม่ว่าเป็นนักลงทุนกลุ่มไหน

หากมีกำไรและมีโอกาสเข้ามาแบบนี้

ยังไงก็ต้องปรับพอร์ตขายหุ้นออกไปนั่นแหละ

ประเด็นที่ต้องระวังคือ หุ้นขนาดใหญ่ หรือบิ๊กแคปที่อยู่ใน SET50 และ SET100 และต่างชาติเข้ามาเก็บ

จะค่อย ๆ ถูกเขย่าออกจากพอร์ต

รูปแบบการเขย่าหุ้นออกของต่างชาติ จะคล้ายกับนักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนต่าง ๆ

คือ หากไม่ได้มีการ “แพนิก” หรือตื่นตกใจอะไร

ราคาหุ้นจะค่อย ๆ ซึมลง

บางช่วง บางจังหวะ เหมือนราคาหุ้นจะกลับตัวเป็นขาขึ้น

แต่อย่าไปไว้วางใจ

เพราะอาจถูกให้เข้าไป “รับของ” หลังจากนั้น จะถูกเทใส่ จนติดดอยกัน

กว่าจะฟื้นกันได้ น่าจะต้องรอที่ต่างชาติกลับเข้ามารอบใหม่

กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL ต่างชาติเข้าเก็บมาตั้งแต่ช่วงราคา 54.00 บาท (+/-)

ราคาปรับขึ้นมาเรื่อย กระทั่งไปแตะ 72.00–73.00 บาท

หลังจากนั้น ราคาค่อย ๆ ซึมลงต่อเนื่อง ล่าสุดมาอยู่บริเวณ 66.00 บาท (+/-)

ดูจากกราฟ สัญญาณเทคนิค และปัจจัยต่าง ๆ

ราคายังน่าจะลงได้อีก

การสร้างฐานบริเวณที่ 66.00 บาท มีความเป็นไปได้ ว่าเป็นฐาน (ล่อ) หลอก

MINT เป็นอีกหุ้นที่ราคาซึมลงเช่นกัน หลังจากขึ้นไปที่ระดับ 34.50 บาท เป็นแนวต้าน แล้วไม่ผ่าน ทำให้ราคาลงมาเคลื่อนไหวในกรอบ 32.50–33.50 บาท

ราคายังน่าจะปรับลงได้อีกเช่นเดียวกับ CPALL

อีกกลุ่มหุ้นที่นักวิเคราะห์ส่งคำเตือนคือ บรรดาหุ้นพลังงาน ทั้งน้ำมัน และไฟฟ้า

ส่วนกลุ่มแบงก์ จะถูกขายออกมาเป็นบางตัว เช่น KBANK ที่ราคาลงมาค่อนข้างลึก ล่าสุดราคาอยู่ที่ 144.00 บาท (+/-) ไม่ว่าจะหลุด 142.00–140.00 บาท

กลุ่มแบงก์จะมีการประกาศจ่ายเงินปันผล

และหลายหุ้นมีอัตราผลตอบแทนค่อนข้างดี เช่น KTB TISCO และ KKP หากราคาย่อตัวมา มีคำแนะนำทยอยสะสมได้

ส่วนหุ้นบิ๊กแคปอื่น ๆ

ให้เข้าไปดูกราฟที่ปรับขึ้นมาจากปีก่อนดูเป็นแนวทาง

หากพบว่า หุ้นตัวนั้นปรับขึ้นมาเยอะ และค่อย ๆ ซึมลง

นั่นอาจเป็นกลุ่มหุ้นที่ต่างชาติ ค่อย ๆ ทยอยขายกันออกมา

Back to top button