ขายหนีตาย?

สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความเจ็บช้ำให้กับเดี๊ยนเป็นอย่างมาก เพราะโดนรินขายตั้งแต่ต้นสัปดาห์


สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความเจ็บช้ำให้กับเดี๊ยนเป็นอย่างมาก เพราะโดนรินขายตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และโดนขายหนักสุดในช่วงกลางสัปดาห์ ก่อนที่ดัชนีจะไหลลงมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 1,664.57จุด ลบไป 4.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.89 หมื่นล้านบาท ซึ่งสวนทางกับปัจจัยบวกที่ทยอยถูกเปิดออกมาทีละเรื่องแบบนี้..เป็นใครไม่โซแซดบ้างล่ะคะ

โดยเฉพาะการขายหุ้นอย่างหนักของพวก “กองทุน” กับ “ต่างชาติ” ถือเป็นแรงฉุดที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางร้ายจนยากที่จะกู้กลับให้มาดีดั่งเดิม และยังทำให้โมเมนตัมของตลาดหุ้นเปลี่ยนเป็นแกว่งตัวลงแบบนี้ “โมนิก้า” คงพูดได้แค่ว่า ขายหนีตายดีกว่ากระมัง! เพราะสถานการณ์หลายอย่างเปลี่ยนไปจากที่คาดการณ์ไว้แบบสุดกู่ เดี๊ยนเลยไม่อยากจะฝืนเชื่อในสิ่งที่เริ่มเป็นไปไม่ได้นะจ๊ะ

เนื่องจากก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” ได้จำลองสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยว่า ไม่มีเรื่องไหนที่ต้องกังวลอีกแล้ว หลังตลาดหุ้นไทยตอบรับกับข่าวร้ายไปหมดแล้ว และที่เหลือก็เป็นเรื่องของผลงานจะฟื้นตัวขนาดไหน? พอเอาเข้าจริงดันกลายเป็นหนังคนละม้วน เดี๊ยนมองว่า วันนี้ตลาดหุ้นไทยควรจะเด้งกลับเสียที! หากไม่เด้งเหมือนที่สัญญาณเทคนิคบอกไว้ ก็ต้องยอมตัดใจเพื่อไม่ให้เจ็บหนักไปกว่านี้นะคะ

เหมือนกับการไหลลงของแบงก์ตราใบโพธิ์ SCB ก็เป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้กับ “โมนิก้า” มากพอสมควร เพราะเมื่อดูตามท้องเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่น่าจะมีประเด็นไหนที่กดราคาหุ้นลงมาต่ำร้อย แต่สุดท้ายราคาหุ้นก็ลงมายืนจ่อที่ระดับ 100.50 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3 พันล้านบาท จึงกลายเป็นจังหวะที่ต้องชิ่งหนีโดยด่วน หากวันนี้ไม่เด้งกลับอย่างมั่นคงเจ้าค่ะ

ส่วนรายที่อยู่ในทิศทางลงลูกเดียว จนหาทางกลับบ้านไม่เจอ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นขายไก่ขายหมู CPF แบบไม่ลังเลใจ เพราะดูจากโอกาสในการทำกำไรสวย ๆ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ไม่ว่าจะราคาเนื้อสัตว์ที่อยู่ในช่วงลงต่อเนื่อง และเรื่องต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น หรือแม้กระทั่งความกังวลเกี่ยวกับไข้หวัดนก ล้วนเป็นประเด็นที่กดดันให้นักเล่นต้องขายหุ้นออกไปก่อน และทำให้หุ้นลงมาปิดที่ 22.90 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 650 ล้านบาทไงล่ะคะ

ในเมื่อเม้าท์ถึงหุ้นที่มีแรงกดดันเยอะ และราคาหุ้นเอาแต่ลงอย่างเดียว “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้น JMT แบบไม่ลังเลใจแม้แต่นิดเดียว เพราะเป็นหุ้นที่แมงลือเม้าท์กันให้แซ่ดว่า กำไรจะออกมาเท่านั้น..กำไรจะออกมาเท่านี้ เดี๊ยนเลยอยากแจ้งให้ทุกคนรู้ว่า วันนี้รู้กัน! เพราะทั้งกลุ่มจะประกาศงบพร้อมกัน และทุกอย่างจะอธิบายให้รู้ว่า การยืนปิดที่ระดับ 50.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 586 ล้านบาท เมคเซ้นส์ขนาดไหนจ้า!

สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องขอเอ่ยถึงหุ้นลีสซิ่งตัวแม่อย่าง SAWAD ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะกราฟหุ้นสวนทางกับหุ้นลีสซิ่งตัวอื่นที่อยู่ในขาลง แถมเมื่อวันศุกร์ยังสามารถยืนปิดที่ระดับ 55.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 357 ล้านบาท ทั้งที่ภาพรวมของตลาดหุ้นแดงโร่แบบนี้ กลายเป็นภาพสะท้อนที่ส่งสัญญาณให้รู้ว่า หุ้นมีโอกาส “ไปต่อ” กระมัง!..ลองไปคิดดูนะจ๊ะ

ส่วนรายที่ขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานาน “โมนิก้า” คงมองไปที่เสือซุ่มอย่าง AP เป็นรายถัดมาแบบไม่ลังเลใจ หลังราคาหุ้นไต่เพดานบินอย่างช้า ๆ เป็นเวลาร่วม 5 เดือน เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 12.30 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 4.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 737 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 6.50 เท่า พ่วงด้วยยีลด์ในระดับ 4% คือทางเลือกอันดับต้น ๆ ของคนที่มีเงินเย็นใช่อ๊ะป่าว?

ปิดท้ายกันที่หุ้นร้อนอย่าง MPIC กันดีกว่า เพราะการทะยานขึ้นอย่างบ้าคลั่งในเที่ยวนี้ เขาว่ากันว่า เจ้าของมีแผนเตรียมขายทิ้ง และดูเหมือนการเจรจาเที่ยวนี้จะคืบหน้าไปมาก บรรดานกรู้ถึงกระโจนใส่อย่างเมามันร่วม 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นการพลิกหุ้นแบบสุดขั้ว และทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ระดับ 2.76 บาท ก่อนจะโรยตัวลงมาปิดที่ 2.40 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 68 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับค่าตัวก่อนหน้านี้อยู่ที่ 1.40 บาท น้องโมบอกได้แค่ว่า ไม่ธรรมดานะจะบอกให้

Back to top button