พาราสาวะถี
การซักฟอกรัฐบาลที่ฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปยังผู้นำเผด็จการ เป็นไปตามคาดไม่มีหลักฐานเด็ด ไร้หมัดน็อก แต่ก็เป็นการตอกย้ำถึงความล้มเหลวในการบริหารประเทศ
การซักฟอกรัฐบาลตามมาตรา 152 ที่ฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปยังผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ เป็นไปตามคาดไม่มีหลักฐานเด็ด ไร้หมัดน็อก แต่ก็เป็นการตอกย้ำถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของประเทศ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็ไม่ได้ชี้แจงหรือแสดงอะไรที่เป็นความสามารถในการบริหาร เอาเป็นว่าสิ่งที่ได้ยินได้ฟังกันมาทั้งสองวันนั้น คนที่ติดตามการเมืองมาโดยตลอดก็จะเห็นว่าเป็นเรื่องเดิม ดังนั้น การอภิปรายส่งท้ายเพื่อจะสร้างบาดแผลให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้งของพรรคฝ่ายค้านอาจตรงตามเป้าหมาย แต่ถามว่าได้คะแนนเพิ่มขึ้นไหมไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น
ความจริงในมุมของประชาชนส่วนใหญ่มีคำตอบอยู่แล้วสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ หากไม่มีใครหรือพรรคไหนไปสะดุดขาตัวเองเสียก่อน ความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.เลิกแบกเสลี่ยงให้น้องรักนั่งแล้ว ยังมองไม่เห็นหนทางว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะกลับมาได้อย่างไร ล่าสุด การลงพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายของหัวหน้าพรรคสืบทอดอำนาจแล้วมีการชูประเด็นเร่งแก้ไขปัญหาความยากจนมันก็คือการขย่มซ้ำว่าด้วยการบริหารประเทศที่ไม่เอาไหนของน้องเล็ก
การที่พี่ใหญ่บอกว่ามีคนจนในประเทศมากกว่า 20 ล้านคนกับช่วงเวลา 7-8 ปีที่ผ่านมา และประเทศไทยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ก็เท่ากับว่าเป็นการชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของน้องเล็กต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมไปถึงขยายบาดแผลที่ว่าดีแต่กู้ทำให้ประเทศมีหนี้มหาศาล การเปิดเกมโจมตีเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องท่าทีทางการเมืองที่แตกต่างกันเพียงอย่างเดียว มันหมายถึงการแยกกันเดินอย่างจริงจัง ทิศทางการเมืองหลังจากนี้ต่างคนต่างอยู่ ต่างฝ่ายต่างไปตามความเชื่อและแนวทางการเมืองที่ขีดเส้นกันไว้
จะว่าไปความเคลื่อนไหวของพี่ใหญ่กับน้องเล็กนั้น มันสะท้อนให้เห็นภาพของทีมที่ปรึกษา หรือบรรดากุนซือผู้อยู่เบื้องหลังได้ในระดับหนึ่ง จะเห็นได้ว่าพรรคสืบทอดอำนาจสิ่งที่พี่ใหญ่ขยับนอกจากนโยบายที่หยิบยกเอาสิ่งที่เห็นว่าได้รับการยอมรับในยุคของรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจ มาขยายผลต่อโดยไม่สนใจว่าจะถูกโจมตีอย่างไร ขณะเดียวกันก็พยายามจะตีจุดที่สังคมไม่พอใจ โยนให้เป็นความผิดพลาดในการบริหารของน้องเล็กไป
ฟากของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ด้วยบุคลิกและการถูกยกหางว่าเป็นคนดี บริสุทธิ์โปร่งใส จึงขยับอะไรลำบาก ทำให้บทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและวางหมากกลต่าง ๆ ไปอยู่ในมือของผู้ที่ไม่ยอมเปิดหน้าชก แต่เป็นอันรู้กันว่าคือหัวขบวนม็อบนกหวีดที่ทำให้เผด็จการ คสช.เกิดขึ้นนั่นเอง การกำหนดท่าทีทางการเมืองจึงพยายามที่จะฟังเสียงของพวกอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง และหาช่องที่จะเล่นงานฝ่ายตรงข้ามชนิดที่รอจังหวะ เวลาเหมาะสมเพื่อจะกินรวบทีเดียว
อีกด้านก็อาศัยสื่อในสังกัดที่ให้การดูแลกันมาตลอดทั้งที่ซ่อนรูปอยู่ในฐานะสื่อกระแสหลัก และสื่อทางเลือก ซึ่งผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็เปิดหน้าไปแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบก่อตั้งมาแล้ว เป็นช่องทางในการโจมตีคู่แข่ง เน้นหนักไปที่การดิสเครดิตแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงการชู ส.ว.ลากตั้งบางคนบางพวกให้มาเป็นตัวขับเคลื่อนเปิดประเด็นสร้างกระแส แต่มีเป้าหมายใหญ่ที่ผ่านการต่อรองกันไว้นั่นก็คือ หากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจกลับสู่เส้นทางอยู่ยาวสำเร็จ ส.ว.ที่สนับสนุนก็ขออยู่ยาวไปด้วยเช่นกัน
ไม่เพียงเท่านั้น การวางแผนเพื่อจัดตัวผู้สมัคร ส.ส.ก็เริ่มที่จะเห็นภาพของการใช้วิชาสามานย์มากขึ้น เหมือนอย่างกรณีการดอดดึงตัวน้องชายของ ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา ให้มาเป็นผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติเพื่อช่วงชิงเก้าอี้ที่สุพรรณบุรี โดยมารยาทของคนที่ได้ชื่อว่าเคยร่วมงานกันมาจะไม่ทำกัน หากใช้คนอื่นมาแข่งขันถือเป็นเส้นทางปกติทางการเมือง แต่การใช้วิธีนี้มันเหมือนการตีท้ายครัว คนของพรรคปลาไหลบางรายถึงกับบอกว่าถ้าไม่ชั่วจริงทำแบบนี้ไม่ได้
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเมื่อมองเข้าไปยังพวกที่ยืนอยู่เบื้องหลังบัญชาเกมให้พรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ เวลาที่งวดเข้ามาทุกขณะยังไงก็ต้องยุบสภาเพื่อให้มีการย้ายสังกัดพรรคได้ไม่น้อยกว่า 30 วัน จึงมีการรุกหนักยื่นข้อเสนอชนิดยากจะปฏิเสธ แต่หลายรายก็ไม่อาจรับไว้ได้เพราะมองไปยังอนาคตทางการเมืองถ้าไม่แปรพักตร์ยังมีโอกาสได้มากกว่านี้ มีส่วนหนึ่งที่ทนต่อสิ่งล่อใจไม่ไหวยอมที่จะย้ายคอก หลังจาก กกต.แบ่งเขตเสร็จก็จะได้เห็นความชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม มีคำถามว่า แล้วที่ กกต.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปมใช้จำนวนราษฎรที่รวมเอาคนต่างด้าวไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณแบ่งเขตเลือกตั้งด้วยนั้น จะส่งผลต่อการยุบสภาหรือไม่ ปัจจัยแรกต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องหรือไม่ ถ้ารับแล้วระยะเวลาที่จะพิจารณาคงไม่นาน ตรงนั้นคงไม่กระทบต่อกรอบเวลาการเลือกตั้ง แต่แม้จะนานอย่างไรก็ไม่ใช่ปัจจัยที่จะทำให้ไม่เกิดการยุบสภา อย่าลืมว่ากระบวนการทางกฎหมายที่มีเนติบริกรศรีธนญชัยคอยควบคุมนั้น สามารถยืดหยุ่นได้ตามที่ต้องการ
เพียงแต่ว่าต้องอาศัยผู้เล่นในองค์กรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคนเหล่านั้นก็พร้อมที่จะสนองตอบสำหรับผู้มีพระคุณอยู่แล้ว กระนั้นก็ตาม เมื่อมองย้อนไปยังแง่มุมอารมณ์ร่วมของประชาชนที่ต้องการให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยเร็ว พวกที่จ้องจะใช้เล่ห์เหลี่ยมทางกฎหมายอาจต้องพับแผนดังว่าไป แล้วปล่อยให้ทุกอย่างว่ากันไปตามกระบวนการปกติ ควบคู่ไปกับการที่พรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องไปเร่งกวาดต้อนนักเลือกตั้งที่มีความหวังชนะเลือกตั้งมาเข้าคอกให้ได้ในจำนวนที่ต้องการ
เห็นกรณีที่สุพรรณบุรีแล้ว ทำให้ทุกพรรครู้ไต๋จึงได้เร่งจัดวางตัวผู้สมัครให้ได้มากที่สุด แม้ว่าบางแห่งยังต้องรอความชัดเจนการแบ่งเขต แต่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฉกตัวกันแบบสายฟ้าแลบเกิดขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาบ้านใหญ่ของแต่ละพรรคต่างก็ระแวดระวังเรื่องการเสี้ยม การให้ข่าวเพื่อหวังจะทำลายสัมพันธ์อันดีทั้งของคนในครอบครัว และเด็กในคาถา เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับตระกูลคุณปลื้มแห่งชลบุรี เพียงแต่งานนี้การสืบหาต้นตอคุณแหล่งข่าวมันไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน บอกแล้วว่าปฏิรูปการเมืองของเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ใช่การทำการเมืองให้ดีขึ้น แต่เป็นการทำให้การเมืองโสมมยิ่งกว่าเดิม