หุ้นที่หมดหวัง!
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยคงไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพราะตลาดหุ้นยังอยู่ในช่วงของ sell on fact จึงมีแรงขายออกมามากกว่าปกติ
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยคงไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพราะตลาดหุ้นยังอยู่ในช่วงของ sell on fact จึงมีแรงขายออกมามากกว่าปกติ จนหุ้นกลุ่มต่าง ๆ ตกอยู่ในสภาวะเสียศูนย์เป็นเวลาร่วมแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงพูดได้ทันทีว่า หมดหวังที่จะได้เห็นหุ้นออกมาวาดลวดลายหวือหวาเหมือนเช่นรอบก่อน ๆ แถมปัจจัยบวกใหม่ ๆ ก็หดหายไปค่อนข้างเยอะ เลยทำให้นักเล่นชิงขายหุ้นออกมาก่อนไงล่ะคะ
งานนี้ไม่มีความจำเป็นต้องไป “โทษโน่น โทษนี่” ให้เสียเวลา เพราะแค่รู้ว่า หุ้นหลายตัวทำผลงานไม่ดีตามที่คาดหวัง จึงต้องถูกลงโทษด้วยการขายทิ้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ และทำให้ดัชนีเซถลาลงมายืนปิดที่ระดับ 1,652.47 จุด ลบไป 7.01 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.61 หมื่นล้านบาทอีกครั้ง พร้อมกับเกิดสัญญาณ “ไซเวย์ดาวน์” ให้เห็นตามมาติด ๆ แบบนี้ จึงเป็นช็อตที่ต้องชิ่งหนีก่อนใครเพื่อนเจ้าค่ะ
เรื่องราวเหล่านี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่เอี่ยมอ่องก็จริง แต่อย่างน้อยก็เป็นสถานการณ์ที่เกิดถี่ขึ้น จึงไม่มีประโยชน์ที่จะฝืนกระแสในเรื่องที่รู้อยู่แก่ใจว่า เดินหน้าลุยต่อไปก็มีแต่เจ็บตัว..แล้วจะเดินหน้าลุยไปทำไม? โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นที่มีความสามารถในการทำกำไรลดลง ถือเป็นหุ้นกลุ่มแรก ๆ ที่ต้องถอยห่างเพื่อความปลอดภัย เพราะคงลุ้นไม่ขึ้นในสภาพที่มีความกังวลเช่นนี้นะจ๊ะ
รายแรกที่เห็นได้ชัดแจ่มแจ้งแดงแจ๋ก็คือ GUNKUL ซึ่งมีประเด็นกฎหมายกัญชาแท้งคาสภาเข้ามากดดันแบบนี้กระมัง บรรดานักเล่นถึงรินขายหุ้นออกมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 4.18 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 810 ล้านบาท “โมนิก้า” คงพูดได้แค่ว่า “ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก” แถมยังลือกันให้แซ่ดว่า งบไม่สวยตามหลังมาติด ๆ คงต้องหลบไปเลียแผลสักพักหนึ่งนะคะ
เช่นเดียวกับในรายของ STARK ก็มีประเด็นให้นักเล่นต้องขวัญผวาตลอดเวลา “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นไหลลงมาเรื่อย ๆ เป็นเวลาร่วมเดือน เพราะเมื่อดูจากความไม่ชัดเจนในหลายประเด็นที่ยังคาใจนักเล่น น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หุ้นย่อตัวติดต่อกันหลายวัน จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 2.48 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 207 ล้านบาท ก็คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ฝีมือ “พี่โอ้” อีกครั้งพะย่ะค่ะ
ส่วนรายที่หมดลุ้นมาตั้งนาน และหมดหวังที่จะโลดแล่น “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น JTS เพื่อย้ำให้เห็นธุรกิจเหมืองบิตคอยน์อยู่ในช่วงดาวน์สุด ๆ จนมองไม่เห็นหนทางที่จะกลับมาเฟื่องฟูแบบนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเผือกร้อน เพราะคนที่เจ็บหนักก็หนีไม่พ้นตัวเอง เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 35.75 บาท ลบไป 4.25 บาท หรือลงไป 10.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 80 ล้านบาท คงไม่ใช่จุดต่ำสุดของการลงเที่ยวนี้เจ้าค่ะ
สำหรับรายที่ทำท่ามีหวัง แต่สุดท้ายก็ทำฝันค้างทุกที คงต้องมองไปที่หุ้น IVL ซึ่งโค้งตัวลงมาเรื่อย ๆ ทั้งที่ใครต่อใครก็เม้าท์เป็นเสียงเดียวกันว่า อัพไซด์สูง! แต่เอาเข้าจริงกับวิ่งขึ้นแป๊บเดียว ต่อจากนั้นก็รูดลงมาทุกที “โมนิก้า” จึงอยากถามนักเล่นว่า การลงมายืนปิดที่ระดับ 38.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 794 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริเวณที่หุ้นเด้งกลับขึ้นไปหา 43 บาทถึงสองครั้งสองครา..น่าสนใจอ๊ะป่าว?
ส่วนรายที่เจ็บหนักสุด ๆ หลังประกาศงบขาดทุนบานทะโร่ “โมนิก้า” คงมองไปที่น้องดูดี DOD แบบไม่ลังเลใจ เพราะมันเป็นผลมาจาก “ลูกหนี้เบี้ยว” ซึ่งมีการพุ่งเป้าไปยังเจ้าพ่ออาหารเสริม “ช.” แบบนี้ เดี๊ยนถือเป็นเรื่องที่สุดวิสัยจริง ๆ และการร่วงลงมาปิดที่ระดับ 4.88 บาท ลบไป 0.32 บาท หรือลงไป 6.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 40 ล้านบาท ก็สมควรแก่เหตุ ส่วนเรื่องนี้จะจริงเท็จประการใด ก็รอให้แต่ละฝั่งออกมาชี้แจง เพราะเดี๊ยนก็อยากรู้เรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร?
ปิดท้ายกันที่หุ้น TAKUNI กันดีกว่า เพราะการไหลลงอย่างช้า ๆ นับตั้งแต่ต้นปีที่เคยยืนในระดับ 3.50 บาท แต่ล่าสุดหุ้นลงมายืนปิดที่ 2.62 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38 ล้านบาท มันเหมือนเป็นการบอกใบ้ให้รู้ว่า หมดสตอรี่ที่จะมาดันหุ้น ต่อจากนี้ต้องดูที่งบเป็นหลัก! เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นประเมินกันเอาเองว่า มั่นใจกับหุ้นตัวนี้แค่ไหน? เพราะมันคือคำตอบว่า “ซื้อ” หรือ “ไม่ซื้อ” เจ้าค่ะ