SPALI ผลงานนิวไฮทุกมิติ!
SPALI ประกาศงบปี 2565 เติบโตโดดเด่น ทำนิวไฮทั้งรายได้ กำไร และยอดโอนกรรมสิทธิ์ โดยมีกำไรสุทธิ 8,173 ล้านบาท
คุณค่าบริษัท
บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI ประกาศงบปี 2565 เติบโตโดดเด่น ทำนิวไฮทั้งรายได้ กำไร และยอดโอนกรรมสิทธิ์ โดยมีกำไรสุทธิ 8,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 7,070 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 35,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวม 29,647 ล้านบาท
สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น 18% อยู่ที่ 34,221 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและทาวน์เฮ้าส์ 54% อีก 46% เป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุด เป็นผลมาจากบริษัทมีโครงการอาคารชุดที่สร้างเสร็จและครบกำหนดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด 7 โครงการ โดยเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 1/2565 ขณะที่ในปี 2564 บริษัทมีโครงการอาคารชุดที่สร้างเสร็จและครบกำหนดโอนกรรมสิทธิ์เพียง 4 โครงการ นอกจากนี้ยังสามารถโอนกรรมสิทธิ์โครงการแนวราบเพิ่มขึ้นจากยอดขายที่ขายได้เพิ่มขึ้น
ขณะที่ ยอดขาย (Presale) ในปี 2565 อยู่ที่ 32,433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อนที่มียอดขาย 24,069 ล้านบาท เติบโต 116% จากปีก่อน และทะลุเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปี 28,000 ล้านบาท
สำหรับปี 2566 เป็นอีกปีที่ SPALI ประกาศรุกหนัก โดยเฉพาะโครงการแนวราบ ด้วยเป้าหมายจะมียอดขายโครงการแนวราบ 25,200 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ที่ทำได้ 21,938 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่รวม 34 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 32,700 ล้านบาท นับเป็นการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท
กลยุทธ์จะเน้นโครงการใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลและจังหวัดเมืองรองที่มีศักยภาพ ทั้งพระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา ราชบุรี และนครปฐม รวม 21 โครงการใหม่ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ ผ่านบ้าน “Tropical Modern Series” ที่ชูจุดเด่นด้วยการออกแบบที่ทันสมัยสำหรับภูมิอากาศเขตร้อนชื้นแบบประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งในโครงการกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง 11 โครงการ รวมทั้งในจังหวัดต่าง ๆ ทั้งเชียงใหม่ ลำปาง ระยอง จันทบุรี ชลบุรี และนครศรีธรรมราช
ด้าน บล.ดาโอ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของ SPALI ไว้ที่ 7.2 พันล้านบาท ลดลง 12% จากปีก่อน โดยประเมินรายได้จากการขายอสังหาฯ ที่จะปรับตัวลดลงเป็น 3.3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในปี 2566 มีคอนโดฯ ใหม่เริ่มโอนเพียง 2 โครงการ จากปี 2565 ที่มีมากถึง 7 โครงการ ขณะที่ประเมินสัดส่วนรายได้แนวราบจะเพิ่มเป็นมากกว่า 60% จากปี 2565 ที่ราว 50% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะลดลงเป็น 38.4% จากปี 2565 ที่ 38.9% ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในออสเตรเลียจะทรงตัวอยู่ที่ราว 350-390 ล้านบาท
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น SPALI ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 5.59 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 19.06 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาดหลายเท่าตัว เช่นเดียวกับ P/BV ที่ระดับ 1.03 เท่า ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.64 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 27.80 บาท จากราคาต่ำสุด 25.00 บาท และราคาสูงสุด 30.90 บาท