รับศึกการเมืองแบบทหารทายท้าวิชามาร

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการควบคุมตัวจตุพร พรหมพันธุ์ กับณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่ให้เดินทางไปตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ว่า ไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์บานปลาย ควรพูดกันให้รู้เรื่องดีกว่า


พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการควบคุมตัวจตุพร พรหมพันธุ์ กับณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่ให้เดินทางไปตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ว่า ไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์บานปลาย ควรพูดกันให้รู้เรื่องดีกว่า

สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอข่าวนี้โดยขุดภาพเก่าเมื่อปี 54 ตอนจตุพรตีตรวนขึ้นศาล กอดคอณัฐวุฒิสรวลเสเฮฮาหน้าห้องขัง เหมือนจะบอกครั้งนี้ก็เช่นกัน 2 แกนนำ นปช.คงหัวร่อกลิ้งตลอดทาง ที่ทหารเอาตัวไปโดยไม่รู้จะเอาไปทำไม สุดท้ายต้องปล่อยกลับบ้าน

เข้าเนื้อ เข้าทาง โดย “ไอ้ตู่ ไอ้เต้น” ไม่ต้องทำอะไร ทั้งที่จริงถ้าปล่อยไป อย่างเก่ง 2 เกลอก็ได้แต่เดินชี้โบ๊ชี้เบ๊เข้าฉาก ไม่มีอะไรมาก

แต่พอทหารไม่มีความอดทนอดกลั้น สถานการณ์ก็บานปลาย ผู้คนยิ่งกังขา ซุบซิบนินทา ทำไมต้องห้าม ร้อนท้อง? หลังหวะ?

ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง ที่ทหารใช้อำนาจ ม.44 สั่งห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยอ้างความสงบของสังคม เพราะครั้งนี้เป็นเรื่อง “เข้าตัว” ถูกมองได้ว่าใช้อำนาจปิดกั้นการตรวจสอบตัวเอง

ยิ่งโฆษกไก่อูพยายามบ่ายเบี่ยงว่า “ไอ้ตู่ไอ้เต้น” ไม่มีหน้าที่ตรวจสอบทุจริต ยิ่งฟังไม่ขึ้น เพราะการตรวจสอบทุจริตต้องเปิดกว้างให้ทุกคนทุกฝ่ายตรวจจนหายสงสัย ไม่ใช่พอตัวเองจะถูกตรวจสอบก็ไปตั้งแง่ว่าปลุกปั่นยุยง

ว่าที่จริง กรณีอุทยานราชภักดิ์วงเงินพันกว่าล้านบาท “ไม่ใช่เรื่องใหญ่” โอกาสที่จะรั่วไหลมีค่าหัวคิวค่านายหน้าแบบไทยๆ โดยผู้บังคับบัญชาระดับสูงไม่รู้ไม่เห็นก็เป็นไปได้ โห ถ้าตั้งใจทุจริตนะครับ คนระดับ ผบ.ทบ.ไม่ต้องมารอเศษเงินค่าหล่อพระบรมรูปหรอก เพราะตั้งแต่หลังรัฐประหาร “จัดระเบียบสังคม” วินมอเตอร์ไซค์รถตู้ไปถึงธุรกิจบริการ การค้าขายชายแดน ฯลฯ อยู่ในอำนาจทหารทั้งสิ้น

เพียงแต่ปัญหาอุทยานราชภักดิ์ มันมาแบบลึกๆ ลับๆ เกี่ยวข้องการแจ้งจับพันเอกพลตรี ซึ่งทั้งสองคดียังไม่กระจ่าง ว่าแอบอ้างหาผลประโยชน์อะไร เกี่ยวพันถึงใครบ้าง แม้ คสช. ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับอุทยาน แต่คดีอยู่ระหว่างสอบสวน ยังไม่เปิดเผยให้สังคมหายสงสัย

เมื่อเรื่องใหญ่ขึ้น เป็นประเด็นที่ใครๆ วิพากษ์วิจารณ์ ก็เห็นใจนะ ทหารก็ลำบากใจ เรื่องอุทยานพอชี้แจงได้ แต่เรื่องพันเอกพลตรียังชี้แจงไม่ได้ เพียงแต่วิธีการ “รับศึก” ของทหาร เมื่อเป็นอย่างนี้แทนที่จะอดทนอดกลั้น ตอบคำถามอย่างระมัดระวัง ตรงไปตรงมา เฉพาะเรื่องที่ตอบได้ เรืองไหนยังไม่เคลียร์โปรดอดใจรอเราจะหาคำตอบต่อไป ฯลฯ ท่านกลับมอง “ศึกการเมือง” เป็นสงคราม ที่ต้องแกร่งกร้าวเหิมหาญกดขวัญศัตรูลงไป

ตัวอย่างเช่น ถ้ายิ้มแย้มแจ่มใสบอกสื่อว่า พี่ตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่มีอะไร ต้นปาล์มได้ฟรีจริง แต่ที่เขียนไว้ 3 แสนเป็นเงินบริจาค ฯลฯ ก็คงไม่เป็นข่าวพาดหัวใหญ่แบบ “จะเอากันให้ตายไปเลยหรือ” หรือเมื่อนักการเมืองเรียกร้องให้ รมช.กลาโหมลาออก ก็ควรตอบนุ่มๆ ว่าให้ความเป็นธรรมท่านบ้าง ไม่ใช่ย้อนไปเทียบรัฐบาลที่แล้ว นะคะๆ

ศิลปะการรับมือเรื่องอื้อฉาว เป็นหลักสูตรการเมืองขั้นสูง ที่บางครั้งนักการเมืองยังสอบตก ยกตัวอย่าง สปก.4-01 ชวน สุเทพ เถียงคอเป็นเอ็น ไม่รู้ตัวเองผิดตรงไหน (ผิดตรงเถียงนี่แหละ) กรณีทักษิณขายหุ้น ผิดตรงไหน ทำไมต้องเสียภาษี (กระแสการเมืองไม่ใช่เรื่องกฎหมาย)

แน่ละ คสช.ยังเข้มแข็ง กรณีอุทยานราชภักดิ์อาจทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าไม่สรุปบทเรียนก็ไม่รู้ภายหน้าจะเกิดอะไร 

                                                                                                                                ใบตองแห้ง

Back to top button