เน้นรายตัว อย่าไปสนดัชนี
ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้มีปัจจัยลบรุมเร้า ล่าสุด บริษัทจดทะเบียน (บจ.) รายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/2565 ตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้
ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้มีปัจจัยลบรุมเร้า
ล่าสุด บริษัทจดทะเบียน (บจ.) รายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/2565
ตัวเลขออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้
ไตรมาส 4/65 บจ.มีกำไรสุทธิรวมกัน 1.56 แสนล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 4/64 ถึง -45% และลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า (Q3/65) คิดเป็น -35%
กำไรไตรมาส 4/65 ของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ออกมา
ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาด หรือ Negative Surprise ถึง -40% ถือว่าผิดคาดมากกว่าไตรมาสอื่น ๆ ในอดีตมาก
มาดูตัวเลขกำไรรวมทั้งปีกันบ้าง
บจ.มีกำไรรวมกันในปี 2565 จำนวน 9.88 แสนล้านบาท
หากเทียบกับปี 2564 ตัวเลขเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2% (ปี 2564 บจ. มีกำไร 9.86 แสนล้านบาท)
กลุ่มธุรกิจที่ขาดทุน คือ ปิโตรเคมี, เหล็ก, ไอซีที และก่อสร้าง
กำไรที่ออกมาต่ำกว่าคาด
ทำให้ Current P/E ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 20 เท่า ถือว่าแพงกว่าระดับปกติที่ 17.54 เท่า
และนักวิเคราะห์ต่างปรับลดเป้าดัชนีปี 2566 ลง
เช่น บล.เอเซีย พลัส ลดเป้าดัชนีปีนี้ลงมาที่ 1,610 จุด
จากกรณีได้ปรับลดประมาณการกำไร บจ. ปีนี้ ลงจากระดับ 1.27 ล้านล้านบาท มาเป็น 1.12 ล้านล้านบาท
อีกปัจจัย และน่าจะเป็นปัจจัยต่อเนื่องจากผลประกอบการ บจ.
นั่นคือ แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ คือ ฟันด์โฟลว์ ยังไหลออกต่อเนื่อง
อย่างเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
การขายถือว่าสูงกว่าปกติ หรือจำนวนถึง 1.1 พันล้านเหรียญ คิดเป็น 3.7 หมื่นล้านบาท
ข่าวว่า ต่างชาติขายรอบนี้
ตลาดหุ้นไทยถูกขายสุทธิสูงสุดในภูมิภาคในเดือน ก.พ.นี้
และอีกมุมหนึ่ง คือ เป็นเดือนที่ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือน เม.ย. 63 หรือช่วงเกิดโควิด-19 ในช่วงแรก ๆ
ปัจจัยต่อมาคือ เงินเฟ้อทั้งของสหรัฐฯ และไทย
ยังคงอยู่ระดับสูง
ทำให้วิเคราะห์กันว่า จะเป็นแรงกดดันให้ทั้งธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด
และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย
มีโอกาสจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป เช่น ของสหรัฐฯ อาจจะมาอยู่ที่ 5.25-5.50%
ส่วนของไทยอาจจะปรับขึ้นรอบละ 0.25% ไปเรื่อย ๆ
หรือจนกว่าจะคุมเงินเฟ้อให้ปรับลงมาให้ได้
แล้วประเด็นเรื่องการเลือกตั้งใหญ่ของไทยในเดือน พ.ค. 66 นี้มีผลไหม
นักวิเคราะห์มองว่า จะมีหุ้นบางกลุ่ม บางตัวที่ได้รับผลเชิงบวกจากความคึกคักในการเลือกตั้ง ทว่าในช่วงรัฐบาลรักษาการ อาจจะเกิด “ความนิ่ง” ด้านนโยบาย
และทำให้หุ้นบางตัวที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานจะดูนิ่ง ๆ
กว่าจะกลับมาคึกคักได้อีกครั้งช่วงหลังตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้ว
ทางออกที่ดีในช่วงนี้
ต้องเน้นรายตัว ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจริง ๆ
ก่อนซื้อต้องเข้าไปดูกราฟ ดูแนวโน้มผลประกอบการ ปัจจัยบวกที่จะเข้ามาสนับสนุน
แม้ว่าตลาดหุ้นจะเล่นค่อนข้างยากในขณะนี้
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเล่นไม่ได้เลย