พาราสาวะถี
ไม่ใช่การหาเสียงแต่แจกกันสะบั้นหั่นแหลก ล่าสุด เป็นคิวของผู้นำเผด็จการซึ่งไปประกาศบนเวทีสัมมนาบทบาทท้องถิ่นไทยกับการกระจายอำนาจ
ไม่ใช่การหาเสียงแต่แจกกันสะบั้นหั่นแหลก ล่าสุด เป็นคิวของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจซึ่งไปประกาศบนเวทีสัมมนาบทบาทท้องถิ่นไทยกับการกระจายอำนาจเพื่อการไปต่ออย่างยั่งยืนที่จังหวัดอุดรธานี จะปรับค่าตอบแทนให้กับนายกองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต. รองนายก อบต. ประธานสภา รองประธานสภา สมาชิกสภา อบต. และเลขานุการ ปากก็อ้างว่าไม่ใช่การหาเสียง เรื่องนี้ทำมานานแล้ว แต่บังเอิญมาเสร็จในช่วงนี้พอดี มันช่างเหมาะเจาะอะไรกับช่วงเลือกตั้งเสียขนาดนั้น
ไม่ว่ากันพรรคฝ่ายค้านก็คงจะเข้าใจ หรือแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง เพราะนี่เป็นวิถีการเมืองปกติ ไม่ใช่ความชั่วความเลวเหมือนที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจตั้งป้อมด่านักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยตั้งแต่วันแรกที่ยึดอำนาจ เพิ่งมาเปลี่ยนท่าทีก่อนการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 นี่เอง เป็นธรรมดาของฝ่ายกุมอำนาจอะไรที่คิดว่าจะสร้างประโยชน์ให้กับตัวเองในการเลือกตั้งก็ต้องทำทุกวิถีทาง เพียงแต่อย่าทำเป็นตอแหลว่านี่ไม่ใช่การเมืองแบบเก่า นี่ไม่ใช่การใช้งบประมาณเพื่อหวังผลทางการเมือง
รู้กันอยู่แล้ว ดัดจริตไปใครจะเชื่อ เช่นเดียวกับเรื่องที่ย้ำกับบรรดาผู้นำท้องถิ่นที่ไปร่วมสัมมนาในงานดังกล่าว รัฐบาลนี้ไม่เคยมีความคิดที่จะยุบ อบต.แม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าใครพูด ก็อยากให้ย้อนกลับไปดูข่าวเก่า ๆ ใครกันเป็นคนต้นคิด พวกลิ่วล้อสอพลอหน้าไหนที่เป็นฝ่ายเสนอ แต่เหตุที่ทำไม่ได้เพราะเข้าใจดีว่า นักการเมืองท้องถิ่นเหล่านั้นคือหัวคะแนนชั้นดีของทุกพรรคการเมืองนั่นเอง ใครจะโง่ไปเป็นศัตรูกับผู้ที่จะให้คุณให้โทษในการเลือกตั้ง
หลังจากหน้ากากคนดีถูกถอด มันก็แทบจะไม่เหลืออะไรให้ต้องมาทำเป็นเหนียมกันอีกต่อไป อะไรที่เคยด่านักการเมืองไว้ก็ทำไม่ต่างกัน รวมไปถึงสิ่งที่เรียกว่าประชานิยม แม้จะทำสงครามข่าวสารชูว่าสิ่งที่คิดและทำกันอยู่คือสวัสดิการของรัฐ เป็นการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนที่เรียกว่าประชารัฐ แต่วิธีการมันก็คือการหว่านเม็ดเงินงบประมาณจำนวนมหาศาลแจกให้กับประชาชน เพื่อหวังในคะแนนนิยมไม่ต่างอะไรจากระบอบทักษิณที่อุปโลกน์กันขึ้นมาหลอกพวกกองเชียร์ไม่ลืมหูลืมตานั่นเอง
การขับเคี่ยวกันระหว่างพี่ใหญ่กับน้องเล็กเข้มข้นขึ้นทุกขณะ จดหมายเปิดผนึกของพี่ใหญ่ล่าสุดถือเป็นการประกาศจุดยืนทางการเมืองที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับน้องเล็ก เช่นเดียวกันกับกระบวนการคิดและวิธีการดำเนินการทางการเมืองด้วย ความมั่นใจของคนใช้ใจบันดาลแรงที่ทำให้บรรดาลูกพรรคสืบทอดอำนาจฟังแล้วรู้สึกสบายใจก็คือ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรพรรคจะไม่ได้ไปนั่งเป็นพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรอย่างแน่นอน
อยู่ที่ว่าจะไปร่วมรัฐบาลแบบไหนเท่านั้น คงไม่ถึงขั้นที่ชนะการเลือกตั้งแล้วทำให้พี่ใหญ่ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แต่ตัวเลข ส.ส.ที่ออกมาจะส่งผลไปถึงศักยภาพในการต่อรองเพื่อเก้าอี้กระทรวงที่สำคัญ หากเกิดการเปลี่ยนขั้วบทบาทของพี่ใหญ่ตามที่ได้บอกไปวันก่อน นอกจากจะเป็นระดับนำของพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ยังจะเป็นมือประสานสิบทิศเพื่อให้ ส.ว.ทั้งหลายร่วมโหวตเลือกแคนดิเดตนายกฯ ที่ขั้วการเมืองใหม่เสนอด้วย
โดยมีทฤษฎีก้าวข้ามความขัดแย้งที่อีกไม่นานคงจะมีการเปิดเผยรายละเอียดหรือกำหนดเป็นนโยบายของพรรคสืบทอดอำนาจเป็นตัวชูโรงสำคัญ ส่วนโอกาสที่จะหวนกลับไปร่วมงานกับน้องเล็กไม่ใช่ปิดประตูตายไปเสียทีเดียว เพียงแต่ว่าการจับขั้วการเมืองแบบเดิม คงไม่มีพรรคการเมืองใดยอมแบกเสลี่ยงให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้กลับมาเสวยสุขอีก และในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลขั้วอำนาจเดิม หนนี้พี่ใหญ่จะอยู่ในฐานะผู้เจรจา และจะมีพลังในการต่อรองมากกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาด้วย
การประกาศหัวโขนทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่มอบให้กับ เศรษฐา ทวีสิน ในนามประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยนั้น เหมือนเป็นการส่งสัญญาณไปในตัวว่าแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคไม่ได้มีเพียงแค่ แพทองธาร ชินวัตร เท่านั้น หากแต่มีคนที่มีความรู้ความสามารถ มีศักยภาพในการบริหารประเทศ ที่สำคัญคือ มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าผู้นำประเทศคนปัจจุบันแน่ จะเป็นทางเลือกให้สำหรับคนที่มองว่าอุ๊งอิ๊งยังมือไม่ถึง หรือจะติดปัญหาด้วยความที่เป็นทายาทโดยตรงของทักษิณ
ขณะเดียวกันการขับเคลื่อนทางการเมืองของพรรคนายใหญ่ในแง่สายสัมพันธ์กับฝ่ายตรงข้าม ยกเว้นผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ก็ดำเนินการกันมาโดยตลอด การปราศรัยของแกนนำคนสำคัญในพรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่กล่าวอ้างถึงสถาบันนั้น มันไม่ได้ช่วยทำให้ความนิยมกระเตื้องขึ้น มิหนำซ้ำ ยังถูกมองจากพวกเดียวกันเองด้วยว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำ เพราะจะทำให้เกิดการแปดเปื้อน เรื่องการแอบอ้างมันจะนำความเสื่อมมาให้คนที่พูดและคนที่ร่วมงานกันโดยไม่รู้ตัว
ฝ่ายที่เจรจากับคนแดนไกลและระดับนำของพรรคนั้น รู้ดีว่าคู่แข่งจะใช้กลยุทธ์แบบไหน ซึ่งคนเหล่านั้นไม่ได้ให้ราคา เพราะรู้ดีว่าสิ่งไหนควรหรือไม่ควร การทำงานของพรรคการเมืองรูปแบบใหม่จะต้องเข้าถึงข้อมูลการตัดสินใจของประชาชนผ่านการสำรวจความคิดเห็นที่สามารถยืนยันผลได้ชัดเจน ไม่ใช่โพลเชลียร์ จึงทำให้วงเจรจาของขั้วการเมืองใหม่ มีตัวเลขของเก้าอี้ที่สามารถนำมาแลกเปลี่ยนกันได้ อาจจะเปิดข้อมูลกันไม่หมด แต่ก็พอจะทำให้คาดหมายกันได้ว่าแนวโน้มหลังเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร
การที่ได้เห็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.หรือ ส.ส.ของพรรคนายใหญ่บางคนลาออก ย้ายคอกไม่ได้เป็นเพราะเรื่องของพลังดูดหรือได้รับข้อเสนอที่ยากปฏิเสธจากพรรคการเมืองคู่แข่ง หากแต่เป็นผลสำรวจความนิยมจากประชาชนในพื้นที่ที่พบว่า บางเขตบางจังหวัดหากส่งคนเดิมลงโอกาสพ่ายมีสูง ประกอบกับการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ทำให้กังวลว่าหลายพื้นที่อาจจะมีเจตนาแบ่งเพื่อให้บางพรรคการเมืองได้เปรียบ เหล่านี้มันจึงมีผลต่อการตัดสินใจเพื่อไม่ให้แผนแลนด์สไลด์สะดุด อีกด้านมีการจับอาการของกรรมการด้วย ซึ่งส่อพิรุธว่าจะใช้ความหน้าด้านจัดการคู่แข่งของผู้มีพระคุณ พวกที่ไร้คนศรัทธามักจะไม่ใช้สติปัญญาในการตัดสินใจ