BH เปิดประเทศรับกำไร!

BH ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ เน้นจับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเป็นหลัก หลังสถานการณ์วิกฤตโควิดคลี่คลาย ก็เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง


คุณค่าบริษัท

บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ เน้นจับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเป็นหลัก ทำให้ช่วงเกิดวิกฤตโควิด ซึ่งมีการล็อกดาวน์ปิดประเทศ ผลประกอบการซบเซา แต่หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ก็เห็นถึงการฟื้นตัวของ BH อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2565 มีกำไรสุทธิ 1,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564 ที่มีกำไรสุทธิ 612 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 6,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564 ที่มีรายได้รวม 3,924 ล้านบาท

หลัก ๆ มาจากรายได้จากกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 53.7% เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติ 105.2% และผู้ป่วยชาวไทยเพิ่มขึ้น 3.1% ส่งผลให้รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วน 33.8% จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็น 49.6%

หนุนให้ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 4,938.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 306.2% จากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 1,215.67 ล้านบาท และมีรายได้รวม 20,908 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.9% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12,605 ล้านบาท

สาเหตุมาจากรายได้จากกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 66.4% ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติ 128% และผู้ป่วยชาวไทย 13.3% เป็นผลให้รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วน 36.5% จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็น 63.5% ในปี 2565 เทียบกับปี 2564 ที่มีสัดสวนจากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทย 53.7% และจากกลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศ 46.3%

ขณะที่ปี 2566 ผู้บริหารมั่นใจจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ารายได้รวมจะสามารถเติบโตได้ในระดับตัวเลข 2 หลักขึ้นไป หลังจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ทยอยปรับตัวดีขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยต่างชาติกลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยจะใช้กลยุทธ์ “4C1W” มาช่วยหนุนการเติบโต ประกอบด้วย Ceitical Care (การรักษาผู้ป่วยภาวะวิกฤต), Complicated Care (การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการซับซ้อนหลายโรค หรือโรคหายยาก), Cutting-edge Technology (การให้ความสำคัญและประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี), Collaboration of Expertise and partners (การทำงานร่วมกับพันธมิตร) และ Wellness (การแพทย์เชิงป้องกัน)

ด้าน บล.ดาโอ คงประมาณการกำไรปี 2566 ที่ 5,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน จากการรับรู้รายได้จากผู้ป่วยซาอุฯ เต็มปี หลังจากการเข้าทำตลาดตั้งแต่ต้นปี 2565 อีกทั้งรัฐบาลซาอุฯ ได้เพิ่มโควตานักท่องเที่ยวซาอุฯ ที่เดินทางมาไทยเป็น 100,000-150,000 คน จากเดิม 30,000 คน และจะขยายฐานลูกค้าเพิ่ม โดยรุกตลาดเวียดนาม นอกจากนี้ทางรัฐบาลสนับสนุนให้ประเทศเป็น medical hub ทำให้โรงพยาบาลไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้นสำหรับผู้ป่วยต่างชาติที่สนใจเข้ามารับบริการ โดย BH มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติสูงสุดที่ราว 67%

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น BH ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 34.48 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 19.54 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาดหลายเท่า สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 8.64 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ส่วนใหญ่ P/BV จะอยู่ที่ระดับ 1.61 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 237.77 บาท จากราคาต่ำสุด 1.90 บาท และราคาสูงสุด 271 บาท

Back to top button