ดอกเบี้ยสหรัฐยังสูงได้อีก

พลันที่เจอโรม พาวเวลล์ แถลงต่อกรรมาธิการธนาคารของวุฒิสภาเมื่อวันอังคารว่า เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและมากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้


พลันที่เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐแถลงต่อกรรมาธิการธนาคารของวุฒิสภาเมื่อวันอังคารว่า เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและมากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้   ก็มีการตีความทันทีว่า ธนาคารกลางสหรัฐจะกลับมาขึ้นดอกเบี้ย 0.50% เมื่อมีการประชุมในวันที่ 21-22 มีนาคมนี้ จากที่ก่อนหน้านี้มองกันว่าเฟด อาจขึ้นแค่ 0.25% เป็นครั้งที่สอง

นักเศรษฐศาสตร์ของมอร์แกน สแตนลีย์มองว่า พาวเวลล์เปิดประตูให้เฟดกลับมาขึ้นดอกเบี้ย 0.50% และเครื่องมือจับตาเฟดของ CME Group ก็ชี้ว่า มีความเป็นไปได้ 78.6% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% จากประมาณ 30% เมื่อต้นสัปดาห์

ความเห็นของพาวเวลล์ ยังทำให้มีการคาดการณ์กันว่า ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปีนี้ น่าจะสูงกว่า 5.1% ซึ่งเป็นระดับที่เฟดได้คาดการณ์ไว้เมื่อเดือน ธันวาคมที่ผ่านมา

แบล็กร็อก ผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่สุดของโลก ถึงขนาดมองว่า มีโอกาสที่สมเหตุสมผลที่เฟดจะดันให้อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานสูงถึง 6% และจากนั้นจะคงดอกเบี้ยไปที่อัตราดังกล่าวต่อไปช่วงหนึ่งเพื่อชะลอเศรษฐกิจลงและทำให้เงินเฟ้อลดลงไปอยู่ใกล้  2% ส่วนโกลด์แมนแซคส์ เพิ่มประมาณการเป้าหมายดอกเบี้ยในช่วงสุดท้ายเป็น 5.55-5.75%  ไม่ว่าเฟดจะขึ้น 0.50%  หรือ 0.25%

นักเศรษฐศาสตร์อีกหลายคนเช่น สตีเวน บลิตซ์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ ของ ทีเอส ลอมบาร์ด และ โมฮัมหมัด เอล-อีเรียน ประธานควีนส์คอลเลจ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ถึงขนาดมองในด้านลบว่าเฟดจะไม่หยุดขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าเศรษฐกิจจะถดถอย

ข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมานับตั้งแต่เฟดประชุมครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 31 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ได้โตขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างไม่คาดคิด นั่นชี้ว่า การขึ้นดอกเบี้ย 4.5% นับตั้งแต่เดือน มีนาคม 2565 ยังไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงได้เพียงพอที่จะตอบโต้เงินเฟ้อกลับได้

ในการแถลงเมื่อวันอังคาร พาวเวลล์ ระบุว่า ไม่มีข้อมูลใดที่ชี้กับเขาว่า เฟดเข้มงวดนโยบายมากเกินไปแต่จริง ๆ แล้วมันบ่งบอกว่าเฟดยังมีงานที่ต้องทำ และยากที่จะหาเหตุผลมารองรับว่าเฟดได้เข้มงวดนโยบายมากเกินไป ซึ่งหมายความว่า เฟดจำเป็นต้องเข้มงวดนโยบายต่อไป

ต่อมาในการแถลงต่อ กรรมาธิการด้านการเงินของสภาผู้แทนราษฎรในวันพุธ  พาวเวลล์ยังคงย้ำ ความเห็นเดิมว่าจะขึ้นดอกเบี้ยสูงขึ้นและอาจเร็วขึ้น แต่ย้ำว่าจะยังคงหารือกันต่อไปและการตัดสินใจจะขึ้นกับข้อมูลที่จะออกก่อนการประชุมนโยบายในอีกสองสัปดาห์

คำถามในขณะนี้คือ เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยมากและเร็วแค่ไหน และคำตอบน่าจะขึ้นอยู่กับข้อมูลสำคัญที่จะออกมาก่อนที่เฟดจะประชุมในวันที่ 21-22 มีนาคมนี้

ข้อมูลสำคัญตัวแรกที่เฟดจะประเมิน คือ การจ้างงานเดือน กุมภาพันธ์ ที่จะออกมาในคืนนี้ (10 มี.ค.) นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้น 203,000 ตำแหน่งในเดือน กุมภาพันธ์ ซึ่งลดลงมากจาก 517,000 ในเดือน มกราคม แต่ก็คาดว่า รายได้รายชั่วโมงเฉลี่ย จะกลับมาโต เป็น 4.8% เท่าเดือน ธันวาคม ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของค่าจ้าง 3.5% ที่เฟดมักชี้ว่าสอดคล้องกับเป้าหมายเงินเฟ้อ 2%   ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์ยังคาดว่า อัตราการว่างงาน ในเดือน กุมภาพันธ์จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.5% จาก 3.4% ในเดือน มกราคม

ข้อมูลตัวที่สองที่เฟดจะประเมินคือ ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ที่จะออกมาในวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งคาดว่าจะชะลอตัวลงเล็กน้อย โดยโตเพียง 0.4% ในเดือน กุมภาพันธ์ จาก 0.5% ในเดือน มกราคม แต่แม้จะโตเพียงเล็กน้อยก็ยังถือว่าสูงกว่าเป้าหมายของเฟด ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่า เฟดต้องการให้ดัชนีซีพีไอเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อเดือนโตต่ำกว่า 0.2%

ข้อมูลตัวที่สามคือ ยอดขายปลีกที่จะออกมาในวันที่ 15 มีนาคม นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะโตลดลงเหลือ 0.2% จากที่โต 3% ในเดือน มกราคม แต่ก็ไม่ชัดเจนว่ายอดขายปลีกที่ระดับไหนเฟดถึงมองว่าเย็นลงเพียงพอ

ข้อมูลสุดท้ายก่อนที่เฟด จะประชุม คือ การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่จะออกมาในวันที่ 17 มีนาคมนี้ การคาดการณ์เงินเฟ้อตัวนี้ในเดือน มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งแรก จากที่ขึ้นอัตรานี้ทั้งหมด 4 ครั้ง และครั้งนี้ อาจพิสูจน์ได้อีกครั้งว่ามันจะเป็นกุญแจสำคัญต่อการตัดสินใจของเฟด

การคาดการณ์เงินเฟ้อล่าสุดชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อใน 1 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 4.2% จาก 3.9% ในเดือน มกราคม ในขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อ 5 ปียังคงอยู่ในช่วง  2.9-3.1% เหมือนกับในช่วง  18 เดือน จากจำนวน  19 เดือนที่ผ่านมา

ความเห็นของพาวเวลล์ ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรพุ่ง ดอลลาร์แข็งค่า และเกิดแรงเทขายในตลาดหุ้น คาดว่า ข้อมูลต่าง ๆ ที่จะออกมาก่อนเฟดประชุม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะควบคุมทิศทางของตลาดได้มาก   จนกว่าจะได้รู้ว่าเฟดตัดสินใจอย่างไร..ต้องจับตามองข้อมูลสี่ตัวนี้เป็นพิเศษกว่าครั้งใด ๆ

Back to top button