ฝรั่งชอร์ตหุ้นไม่ยั้ง

งานนี้ใครจะพูดอะไร ก็เป็นสิทธิ์ที่จะพูดตามสิ่งที่ตัวเองคิด แต่สำหรับความคิดของ “โมนิก้า” ยังยืนยันคำเดิมที่ว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่หลุดจากภวังค์


งานนี้ใครจะพูดอะไร จะพูดอย่างไร ก็เป็นสิทธิ์ที่จะพูดตามสิ่งที่ตัวเองคิด แต่สำหรับความคิดของ “โมนิก้า” ยังยืนยันคำเดิมที่ว่า ตลาดหุ้นไทยยังไม่หลุดจากภวังค์ จึงถูกรินขายหุ้นออกมาเรื่อย ๆ แบบไม่มีกำหนด เพราะแรงกดดันจาก “ดอกเบี้ยขาขึ้น” ยังแผลงฤทธิ์เนื่อง ๆ ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนดูอึมครึมเป็นอย่างมาก..ครั้นจะขึ้น ก็ขึ้นไม่เต็มที่ แต่พอจะลง ก็ลงไม่ยั้ง เลยนะคุณพี่

ฉะนั้นการที่ดัชนีแกว่งตัวไปมาตลอดทั้งวัน ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,614.22 จุด บวกไป 1.62 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.95 หมื่นล้านบาท และยังยืนเหนือแนวรับ 1,600 จุดได้อย่างแข็งแกร่ง ย่อมเป็นเรื่องที่น่าชื่นใจมาก ๆ สำหรับสถานการณ์ที่ผันผวนเช่นนี้ แต่เมื่อดูจากผลตอบแทนจากพันธบัตรอายุ 2 ปีอยู่ในระดับ 5% ย่อมเป็นแรงกดดันที่ทำให้ฝรั่งขายหุ้นออกมาเป็นระลอกอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ

ประเด็นดังกล่าวถูกย้ำหัวหมุดด้วยท่าทีของฝรั่งขายหุ้นไม่หยุดสักที และเมื่อดูตัวเลขขายในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน มี.ค.  ปาเข้าไปเกือบหมื่นล้าน และเมื่อดูยอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปาเข้าไป 3.50 หมื่นล้าน ย่อมเป็นประเด็นที่สร้างความหนักใจให้กับ “โมนิก้า” อย่างรุนแรง เพราะยังมีประเด็นฝรั่งชอร์ตหุ้นตลอดเวลาเข้ามาผสมโรง จึงอยากให้นักเล่นประเมิน “ทางบวก ทางลบ” ให้ดีก่อนลุยจ้า!

โดยเฉพาะประเด็น “เปอร์เซ็นต์ขายชอร์ตเทียบกับการจับคู่ซื้อขายออโต” มันทำให้เห็นภาพแรงขายได้ชัดเจนสุด ๆ และรายแรกที่โดนหนักกว่าใครเพื่อนก็คือ BTS เพราะเปอร์เซ็นต์ดังกล่าวทะลุขึ้นไปถึง 26% ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นร่วงลงมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ต้นปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยยืนอยู่ในระดับ 8.80 บาท แต่ล่าสุดยืนที่ระดับ 7.70 บาท ราคาหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 207 ล้านบาท มันเสียวดีไหมล่ะคะ

ส่วนในรายของ PTT ก็ติดโผในอันดับ 2 ที่โดนชอร์ตหนัก และเมื่อดูเป็นเปอร์เซ็นต์ก็ปาเข้าไปเกือบ 23% และเป็นแรงกดดันที่ทำให้ราคาหุ้นร่วงลงมาเรื่อย ๆ ผนวกกับมีความกังวลเกี่ยวกับกำไร “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นยังไหลไม่หยุด และทำให้การยืนปิดที่ระดับ 31 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.59% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.82 พันล้านบาท เป็นจังหวะของการลุ้นเด้งแล้วขายเท่านั้นนะจ๊ะ

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น INTUCH ซึ่งได้ชื่อเป็นหุ้นปันผลงามตลอดระยะเวลา 10 ปี ก็ถูกชอร์ตหุ้นแบบไม่ไว้หน้าเช่นกัน และเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นขยับขึ้นลงในกรอบ 70-75 บาทเป็นเวลาร่วมครึ่งปี “โมนิก้า” ถึงอยากถามแฟนคลับว่า การยืนปิดที่ระดับ 73 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 3.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 610 ล้านบาท มันน่าสนใจขนาดไหนในมุมมองของฝรั่งหัวดำเจ้าค่ะ

สำหรับรายที่โดนสองแรงบวกกระหน่ำขายไม่มีเยื่อใย “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น IRPC เพราะผู้คนยังกังวลการ “เทิร์นอะราวด์” ผนวกกับโดนขายชอร์ตเข้าไปเกือบ 20% จึงทำให้ราคาหุ้นยืนซึมกะทือเป็นเวลานาน และค่อยไปในทางร้ายมากกว่าทางดี เดี๊ยนถึงไม่สบายใจที่เห็นแรงขายยังไม่ซาลงสักที และทำให้การยืนปิดที่ระดับ 2.88 บาท ราคาหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50 ล้านบาท ยังมีความเสี่ยงที่จะโดนอีกดอกพะย่ะค่ะ

ส่วนรายที่โชว์ความแข็งแกร่งให้เห็น และยืนต้านแรงชอร์ตหุ้นได้อย่างยอดเยี่ยม “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น TTB เพื่อชี้ให้เห็นการสู้กลับเป็นเวลาร่วมเดือน มันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และทำให้การยืนปิดที่ระดับ 1.39 บาท บวกไป 0.01 บาท หรือขึ้นไป 0.72% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 310 ล้านบาท น่าสนใจสำหรับความคิดของอีฉัน เพราะมันเป็นหุ้นที่นักเล่นกลุ่มต่าง ๆ พร้อมจะซื้อสวนเมื่อย่อตัวลงแรงนะจะบอกให้

อีกรายที่สู้กับแรงชอร์ตหุ้นได้อย่างยอดเยี่ยม คงต้องมองไปที่หุ้น PTTGC เพื่อชี้ให้เห็นการเคลื่อนตัวในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมายังประคองตัวได้อย่างแข็งแกร่ง “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 48 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.52% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 502 ล้านบาท ไม่น่ากลัวเหมือนที่บางคนคิด เพราะถัดจากนี้ยังมีเรื่องเกี่ยวกับการฟื้นตัวเป็นแรงขับเคลื่อน จึงเป็นจังหวะเล่นสั้นสำหรับคนที่มองเป็นโอกาสจ้า!

Back to top button