OISHI ปิดฝาขวดชาเขียว.!

เรียกเสียงฮือฮาทั้งในแวดวงตลาดทุนและการตลาด..!! เมื่อจู่ ๆ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด ก็ประกาศตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ หุ้นชาเขียวชื่อดัง OISHI


เรียกเสียงฮือฮาทั้งในแวดวงตลาดทุนและการตลาด..!! เมื่อจู่ ๆ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด ของ “เสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี” ก็ประกาศตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ หุ้นชาเขียวชื่อดัง บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ OISHI ส่วนที่เหลือทั้งหมด จำนวน 76.27 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 20.34%..!! จากเดิมที่ถืออยู่แล้ว 79.66%

แล้วที่ฮือฮากว่านั้น เห็นจะเป็นราคาเทนเดอร์ฯ ที่สูงลิ่ว 59 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่ากระดานในวันที่ 10 มี.ค. 2566 (เป็นวันที่ประกาศตั้งโต๊ะเทนดอร์ฯ) โดยปิดตลาดที่ 46.50 บาท

เท่ากับว่า การทำเทนเดอร์ฯ ครั้งนี้ มีพรีเมียมให้กับผู้ถือหุ้นถึง 12.50 บาท หรือ 26.88% เชียวหนา..!!

เรียกว่าจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบกันเลยทีเดียว…

ขณะที่เป้าหมายการเทนเดอร์ฯ ครั้งนี้ ชัดเจนเพื่อเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ…

นั่นแปลว่า OISHI กำลังจะปิดฝาขวดชาเขียวในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วน่ะสิ..!!

ส่วนที่มาที่ไปของเรื่องนี้ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ให้เหตุผลว่า OISHI เป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำ งั้นไหน ๆ ถือหุ้นเกินกว่า 79.66% อยู่แล้ว ก็ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ เอาออกจากตลาดฯ เสียเลย จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว…

แหม๊…ใช่ว่าปัญหาฟรีโฟลตต่ำเพิ่งจะเกิดเสียเมื่อไหร่..? มีมาตั้งนานแล้วนะ…แล้วทำไมเพิ่งมาคิดแก้เอาตอนนี้ล่ะ..? อันนี้น่าแปลก

ส่วนที่ระบุว่า หาก OISHI ออกจากตลาดฯ ไปแล้ว ก็จะช่วยเซฟค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการเป็นบริษัทจดทะเบียน…แต่เงินแค่นี้คงขี้ปะติ๋วสำหรับกลุ่มไทยเบฟเวอเรจ…ว่าป๊ะล่ะ

ที่เห็นจะมีน้ำหนักมากสุด คงเป็นการเตรียมปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจอาหารและกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์นั่นแหละ

หรือถ้าพูดให้ชัด เอา OISHI ออกมาแต่งเนื้อแต่งตัวใหม่ แล้วค่อยเอากลับเข้าตลาดฯ อีกครั้ง…แต่คราวนี้คงไม่เข้าในนาม OISHI แล้วล่ะ อาจเอาไทยเบฟเวอเรจเข้าโดยตรงเลยอ๊ะป่าว..? หรืออาจเป็นบริษัทใดบริษัทหนึ่งที่ดูแลพอร์ตในกลุ่มนอนแอลกอฮอล์…

ซึ่งกว่าจะไปถึงจุดนั้น น่าจะมีความเคลื่อนไหวให้เห็นอีกหลายกระทอก…เพราะระดับ “เสี่ยเจริญ” คงไม่คิดชั้นเดียวเชิงเดียวหรอก…

ถ้านึกไม่ออกว่า การวางหมากทางธุรกิจของ “เสี่ยเจริญ” เหนือเมฆขนาดไหน..?

ต้องย้อนไปเมื่อครั้งที่วางยุทธศาสตร์ปั้นบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT เป็นเรือธงด้านอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่ม…โดยเริ่มจากรวบหัวรวบหางบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT ในปัจจุบัน

แต่เนื่องจาก FPT ถนัดทำแค่พวกนิคมอุตสาหกรรม โรงงาน และคลังสินค้าเท่านั้น ก็เลยเข้าเทกโอเวอร์บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยเสียเลย

จากนั้น FPT ก็ตั้งกองรีทภายใต้ชื่อทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (FTREIT) แล้วเริ่มขายสิทธิการให้เช่าโรงงาน คลังสินค้าเข้ากองรีท

เป็นอีกหนึ่งเกมเงินต่อเงินของ “เสี่ยเจริญ”..!!

จะเห็นว่า แต่ละย่างก้าวที่ FPT เดินนั้น ไม่ธรรมดา บ่งบอกว่าผ่านกระบวนการคิดมาอย่างดีแล้ว

ไม่ต่างจากกรณี “เสี่ยเจริญ” ซื้อบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ซึ่งไม่ได้ต้องการสินค้าอุปโภค-บริโภค แต่ต้องการโรงงานผลิตขวดแก้ว เพื่อป้อนให้กับเบียร์ช้าง หรือซื้อบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) หรือ SSC ไม่ได้ต้องการเป๊ปซี่ แต่ต้องการคลังสินค้า และระบบโลจิสติกส์ของ SSC ต่างหากล่ะ…

การวางเกมปิดฝาขวดชาเขียวครั้งนี้ ก็คงทำนองเดียวกัน…ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นเสียมากกว่ากระมัง..!!

เชื่อหัวไอ้เรืองสิ..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button