เก็บแบงก์ช่วงแพนิก

เหตุการณ์ “ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์” (SVB) เป็นจิตวิทยาเชิงลบกับหุ้นแบงก์ไทยเต็ม ๆ เมื่อวานนี้เลยพากันร่วงหนัก


เหตุการณ์ “ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์” (SVB) เป็นจิตวิทยาเชิงลบกับหุ้นแบงก์ไทยเต็ม ๆ

เมื่อวานนี้เลยพากันร่วงหนัก

นำโดยราคาหุ้นธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ลดลง 5.88%

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ลดลง 2.68%

ธนาคากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ลดลง 3.16%

และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ลดลง 1.76%

ส่วนแบงก์ขนาดเล็กที่ลงหนัก คือ เกียรตินาคินภัทร หรือ KKP วูบกว่า -4.48%

นักวิเคราะห์มองว่า หุ้น KBANK ที่หลุด 130 บาทลงมา เป็นจังหวะเข้าสะสม และแนะนำให้ “ทนถือ” ข้ามวิกฤต (ที่แทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับไทยโดยตรง)

ราคาหุ้นเคแบงก์ที่ลงหนักครั้งนี้

น่าจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว

แต่หากนักลงทุนยังไม่มั่นใจ มีคำแนะนำเพิ่มเติมว่า ให้เข้าทีละไม้

หากราคาหุ้นยังร่วงต่อ

แนวรับถัดไปคือ 118 บาท และ 104.50 บาท

แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อมั่นกันว่าไม่น่าหลุด 120 บาท

SCB วานนี้ราคาปิดหลุด 100 บาท

ทำให้เกิดความน่าสนใจเพราะกำลังขึ้น XD วันที่ 17 เม.ย.นี้ จ่ายเงินปันผล 5.19 บาทต่อหุ้น

เทียบเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล ณ ราคาปิด (99.75 บาท) วานนี้ จะได้เท่ากับ 5.21%

ตัวเลขยีลด์นี้ถือว่าน่าสนใจ

ส่วน BBL ราคาหลุดแนวรับแรก 155 บาท

มีแนวรับถัดไปคือ 150 บาท

หากหลุดจากระดับแนวรับนี้ เป็นจังหวะในการเข้าสะสมเช่นกัน

แนวโน้ม BBL ในปี 66 นักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า กำไรจะออกมาดี

จาก Coverage Ratio สูงกว่า 260%

และมี CAR ที่ระดับ 19.2%

ปีนี้จึงไม่น่าจะมีการตั้งสำรองมากนัก

สินเชื่อส่วนใหญ่เป็น Corporate หรือรายใหญ่ จึงรองรับแรงกระแทกจากปัญหาภายนอกได้ดี

มาถึง “กรุงไทย” KTB

ราคาที่ลงมาเพียง 1.76% หรือต่ำกว่า 3 หุ้นแบงก์ใหญ่ข้างบน

สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนที่ถืออยู่ มีความกังวลค่อนข้างจำกัดกับกรุงไทย

อาจจะเพราะด้วยสินเชื่อส่วนใหญ่ยังเป็นภาครัฐ

และรายย่อยจะเป็นกลุ่มข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ รวมถึงลูกค้าที่เป็นพนักงานเอกชนและมีเงินเดือนเข้าบัญชีกรุงไทย ความเสี่ยงจึงอยู่ระดับต่ำมาก

โดยสรุปของนักวิเคราะห์ มองว่า พื้นฐานธนาคารไทยแข็งแกร่ง

ฐานะเงินกองทุนแข็งแกร่งเกินเกณฑ์ขั้นต่ำมาก

เงินฝากส่วนใหญ่มาจากลูกค้าในประเทศ และไทยไม่ได้มีปัญหาด้านสภาพคล่อง

พอร์ตสินเชื่อกระจายตัว เน้นปล่อยกู้ในประเทศ และการปล่อยกู้ต่างประเทศจะอยู่ในธุรกิจดั้งเดิม และการลงทุนในธุรกิจเทคไม่มาก

พอร์ตลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพในประเทศ

สุดท้ายคือ ผลกำไรเติบโตในปี 2566 เงินปันผลสูง

และราคาหุ้นไม่แพง

Back to top button