พาราสาวะถี
ไม่ใช่ประชานิยม ไม่ใช่การกระทำที่หวังผลต่อการเลือกตั้ง นี่แหละที่เขาถึงว่าพวกหน้ากากคนดี เผด็จการสืบทอดอำนาจมันอย่างหนา
ไม่ใช่ประชานิยม ไม่ใช่การกระทำที่หวังผลต่อการเลือกตั้ง นี่แหละที่เขาถึงว่าพวกหน้ากากคนดี เผด็จการสืบทอดอำนาจมันอย่างหนา ถามว่าการขึ้นค่าตอบแทนให้ อสม.ทั่วประเทศ 1.05 ล้านคน จาก 1 พันบาทเป็นสองพันบาท ขึ้นค่าตอบแทนให้นายก อบต.ไปจนถึงสมาชิก รวมทั้งเลขานุการนายกฯ และประธานสภา อบต. แม้กระทั่งขึ้นค่าตอบแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่รัฐบาลกำลังจะหมดวาระหรือจะยุบสภาอยู่รอมร่อ เพิ่งคิดกันได้หรือมีความจำเป็นต้องขึ้นในช่วงนี้อย่างนั้นหรือ
กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เพียงแต่ว่าพวกอย่างหนาก็จะหาเหตุอธิบายไปต่าง ๆ นานา บรรดากองเชียร์ไม่ลืมหูลืมตา ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หรือแม้แต่พวกนักวิจารณ์ นักวิชาการที่สุมหัวพากันเกลียดกลัวระบอบอุปโลกน์อย่างระบอบทักษิณ ก็ไม่รู้สึกรู้สาต่อสิ่งที่กำลังทำกันอยู่เวลานี้เชียวหรือ หากเป็นรัฐบาลที่มาจากการลือกตั้งคงถูกด่ากันเละเทะ มิหนำซ้ำ อาจจะมีพวกนักร้องไปยื่นให้ กกต.ตรวจสอบว่านี่เป็นการอนุมัติเงินงบประมาณเพื่อหวังผลในการเลือกตั้งหรือไม่
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะขึ้นให้กันแบบนี้ แต่อยู่มาจะ 9 ปีทำไมไม่ทำ เทกระจาดกันเอาโค้งสุดท้าย ช่วงการประชุม ครม. 2-3 นัดก่อนจะเปิดตูดลงสู่สนามเลือกตั้ง อย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่าทิ้งทวนเพื่อหวังผลได้อย่างไร หากใครจะบอกว่าน่าเกลียดคงไม่ผิดนัก แต่ก็อีกนั่นแหละคนที่ได้รับอานิสงส์ครั้งนี้ หากไม่มืดบอดทางความคิดก็คงจะรู้อยู่แล้วว่า ขบวนการสืบทอดอำนาจหว่านพืชหวังผลอย่างไร ถ้าย้อนกลับไปดูพฤติกรรมที่ยังเรืองอำนาจ โดยเฉพาะช่วงที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จถามว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นพวกที่ถูกรังเกียจ ถูกขีดวงกันจนกระดิกตัวไม่ได้
มิหนำซ้ำ ยังมีความพยายามที่จะยุบบางองค์กรอย่าง อบต. จนมาก่อนจะมีเลือกตั้งหนนี้นี่แหละที่แก้ตัวว่าไม่เคยมีความคิดแบบนั้น เพียงแค่จะยกระดับให้เป็นเทศบาลทั้งหมด ทั้งที่สารซึ่งสื่อออกมาในช่วงเรืองอำนาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น นี่ไงคือความต่างระหว่างคนที่เคยดูถูกนักการเมืองชั่วนักการเมืองเลว และแสดงอาการรังเกียจ แต่เมื่อตัวเองมาสวมหัวโขนนักการเมืองเต็มตัว กลับทำมากกว่าสิ่งที่นักการเมืองในอดีตเคยทำไว้เสียอีก อย่างนี้น่าจะเข้าข่ายดัดจริต ตอแหลหรือไม่
ไม่ต่างกันกับการนำเสนอนโยบาย เรื่องเพิ่มเงินบัตรคนจนเป็น 1,000 บาท การประกาศจะแจกโน่นให้นี่ ถามว่ามันคือประชานิยมที่พวกสมอ้างเป็นคนดีทั้งหลายปฏิเสธ และใช้เป็นอีกหนึ่งข้ออ้างในการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง วันนี้กลับเล่นลิ้นอ้างเป็นประชารัฐ เป็นรัฐสวัสดิการ แต่วิธีการมันไม่ได้ต่างกันแม้แต่น้อย แจก จ่าย ให้เพื่อหวังผลความนิยมจากประชาชน ไม่ต้องอ้างว่าบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ รักษาวินัยการเงินการคลัง เพราะที่ผ่านมาก็ทำกันเช่นนี้
ไม่เพียงเท่านั้น หากให้ความเป็นธรรมกับระบอบอุปโลกน์เพื่อทำลายอย่างระบอบทักษิณ 30 บาทรักษาทุกโรค ถือเป็นนโยบายที่ทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้ใช้เชิดหน้าชูตา ชูคอเป็นที่ยกย่องจากนานาประเทศเรื่องของระบบสุขภาพ การเข้าถึงที่เท่าเทียมมาจนถึงทุกวันนี้ เช่นเดียวกับกองทุนหมู่บ้าน และอีกหลายนโยบาย อันเป็นเหตุผลให้ไม่ว่าจะมีการยุบพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน หรือทำลายพรรคในเครือข่าย สุดท้ายก็ได้รับการเลือกกลับเข้ามาด้วยเสียงข้างมากของประชาชนอยู่ดี
การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นเมื่อมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง และไม่ไว้วางใจขบวนการสืบทอดอำนาจแล้ว แม้เพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ ประชาชนตั้งใจจะเลือกเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไร ท้ายที่สุด ยังคงมีความพยายามที่จะทำทุกทางเพื่อให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจกลับมากุมอำนาจอยู่ยาวให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีสามานย์เพียงใด ในเมื่อเป็นพวกอย่างหนาเสียแล้ว ย่อมไม่อินังขังขอบต่อเสียงครหาใด ๆ
เห็นได้จากกรณี ป้านา บ้านโป่ง ที่ไปตะโกนด่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจในวันที่ไปลงพื้นที่อำเภอบ้านโป่ง มีการให้ท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำการรุนแรง ปิดปากคนเห็นต่าง พร้อม ๆ ด้วยการด้อยค่าคนต่อต้านที่ไปชู 3 นิ้วอีกต่างหาก พฤติกรรมแบบนี้มันคือการตอกย้ำการไม่ฟังเสียงของฝ่ายตรงข้าม เป็นการยืนยันความจริงที่ว่า ความขัดแย้งที่ยังคงอยู่ไม่เคยได้รับการแก้ไข เพราะฝ่ายกุมอำนาจทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง และต้องการที่จะให้เป็นเช่นนั้น เพราะความแตกแยกคือเหตุผลให้พวกอยู่ยาวใช้อ้างขออยู่ต่อ ทำต่อ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นการทำต่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี หรือย่ำแย่หนักกว่าเดิม
นิสัยของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแบบนี้ คนที่รู้ดีที่สุดย่อมหนีไม่พ้นพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. การให้สัมภาษณ์ต่อปมป้านาล่าสุด มันคือการตอกย้ำสิ่งที่เป็นมาตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีว่าดำรงอยู่อย่างไร “ผมคิดว่าบุคคลสาธารณะต้องรับฟังให้มาก โดยเฉพาะความเห็นต่าง ผมไม่เห็นด้วยกับการใช้กำลัง หรือการฟ้องร้องเพียงเพราะเขาคิดไม่เหมือนเรา ปัญหาความแตกแยกของประเทศมีมานานเกินไปแล้ว อยากให้แต่ละฝ่ายรับฟังกันมากขึ้น เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปด้วยความเรียบร้อย”
แม้จะถูกมองว่าการให้ความเห็นแบบนี้ก็เพื่อที่จะหวังผลทางการเมือง จากแนวคิดที่พรรคสืบทอดอำนาจจะชูเป็นนโยบายสำคัญคือการก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะหากเห็นปัญหามาตั้งแต่ต้นทำไมจึงไม่เตือนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ หรือแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยตั้งแต่วันที่ไปรับตำแหน่งในรัฐบาลเผด็จการ คสช.จนถึงรัฐบาลสืบทอดอำนาจ ไม่ว่าจะเกิดจากการแตกคอ หรือมีวาระซ่อนเร้นใด ๆ อย่างน้อยการสื่อสารของคนใช้ใจบันดาลแรง ก็เป็นการยืนยันการกระทำของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและลิ่วล้อว่า ใช้กฎหมายที่อ้างว่าทุกคนต้องเคารพ ปฏิบัติตามนั้น หาใช่เพื่ออำนวยความยุติธรรมแต่ใช้เพื่อการปิดปากคนเห็นต่างต่างหาก