ต้องเล่นหุ้นใหญ่

ในช่วงเวลาตลาดหุ้นลงหนัก ๆ และเมื่อดัชนีดีดกลับแล้ว อยากให้หุ้นในพอร์ตัวเองเขียวตามตลาดที่ปรับขึ้นมา เรื่องนี้เคยบอกหลายครั้งแล้วว่า ต้องดักเก็บหุ้นขนาดใหญ่


ในช่วงเวลาตลาดหุ้นลงหนัก ๆ

และเมื่อดัชนีดีดกลับ

แล้วอยากให้หุ้นในพอร์ตัวเองเขียวตามตลาดที่ปรับขึ้นมา

เรื่องนี้เคยบอกหลายครั้งแล้วว่า ต้องดักเก็บหุ้นขนาดใหญ่ หรือบิ๊กแคปในกลุ่ม SET50 เข้าพอร์ต

หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นหุ้นใน SET100

เพราะเวลาหุ้นลงมา

หุ้นบิ๊กแคปเป็นตัวหลักต่อการฉุดดัชนี เช่น แบงก์ พลังงาน สื่อสาร

และเมื่อหุ้นใหญ่กลุ่มเหล่านี้ปรับลง

ทำให้หุ้นขนาดกลางและเล็กปรับลงด้วยจากการเกิด “แพนิก” ของกลุ่มนักลงทุน และอาจจะรวมถึงการถูกบังคับขาย หรือ Force sell

ทว่า เมื่อถึงเวลาหุ้นปรับขึ้น

ทุกคนต่างพยายามที่เข้าไปเล่นหุ้นขนาดใหญ่ เข้าไปเก็งกำไรจากเห็นว่ามันดีดขึ้น

ส่วนหุ้นกลาง-เล็ก ที่ลงมาก่อนหน้านี้

จะยังไม่วิ่งขึ้นในทันที หรือต้องรอไปสักพักนั่นแหละ

เพราะนักลงทุนจะไปรุมหุ้นบิ๊กแคปกันก่อน

จนกว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่วิ่งจนหมดแรง

ต่อจากนั้นถึงจะค่อยกลับมาไล่หุ้นไซส์กลางและเล็กกัน

โดยเฉพาะตัวที่มีพื้นฐาน ราคาแลกการ์ดกว่าตลาด

สัปดาห์ก่อน ที่หุ้นจะดิ่งลงหนัก

ได้เขียนกล่าวอ้างจากคำแนะนำของนักวิเคราะห์

ว่าถึงเวลาสะสมหุ้น “กลุ่มแบงก์”

แบงก์ หากราคายิ่งลง

ใครที่มีเงินสดอยู่บนหน้าตัก ถือเป็นจังหวะดีในการเข้าสะสมไปเรื่อย

ราคาหุ้นแบงก์หากยิ่งลงต้องยิ่งซื้อ

โดยเฉพาะหุ้นแบงก์ใหญ่ เช่น KBANK BBL SCB และ KTB

และเมื่อซื้อแล้ว ต้องทนถือข้ามวิกฤต (อาจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่เดือน) ไปให้ได้

หากดูจากกราฟหุ้นแบงก์ใหญ่

เมื่อเวลาลงจะลงเร็ว

และเมื่อฟื้นตัว ราคาจะวิ่งกลับขึ้นมารวดเร็วเช่นกัน

ล่าสุด นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ บอกว่า กลุ่มสถาบันการเงินของไทยปรับตัวลงจากความกังวลจากเหตุการณ์ในสหรัฐฯ

จึงมองเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อ (Buy on dip) เพราะแทบไม่มีผลกระทบใด ๆ ในเชิงพื้นฐาน

ทรีนีตี้ ยังมีคำแนะนำการเข้าลงทุนใน SET100 ด้วย

โจทย์ คือ ณ เวลานี้ หุ้นที่ซื้อขายด้วยระดับ Forward PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2549

จะพบว่ามีหุ้นที่น่าสนใจหลายตัว (และมีสภาพคล่องหรือการซื้อขายด้วยวอลุ่มสูง) เช่น MTC, OR, BAM, ONEE, TIDLOR, TIPH, BCPG, SCC, KBANK, ACE, SCB และ VGI

Back to top button