RS vs GRAMMY ย้อนยุคกระแส Y2K
เป็นที่รู้กันดีว่า ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ระหว่าง RS กับ GRAMMY เป็นคู่แข่งในสนามธุรกิจเพลงมายาวนานหลายสิบปีแล้ว..!!
เป็นที่รู้กันดีว่า ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ระหว่างบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ของ “เฮียฮ้อ”-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ กับบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY ของ “อากู๋”-ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม เป็นคู่แข่งในสนามธุรกิจเพลงมายาวนานหลายสิบปีแล้ว..!!
ที่ผ่านมา ทั้ง 2 ค่ายจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นเป็นผู้นำของธุรกิจเพลง แม้ระยะหลังค่ายเพลงดังย่านลาดพร้าวเริ่มถอยฉากจากธุรกิจเพลง แล้วหันมาขายครีม อาหารเสริม ของใช้ต่าง ๆ หรือเรียกเก๋ ๆ ว่าธุรกิจพาณิชย์แทน แต่ก็ยังมีภาพจำเป็นคู่แข่งค่ายเพลงดังย่านอโศกอยู่ดี…
ทว่าจากคู่แข่ง ใครจะไปคิดล่ะว่า วันนี้จะเห็นทั้ง 2 ค่ายมาจับไม้จับมือเป็นพันธมิตรกันได้..!!
จากกรณีร่วมกันจัดตั้งกิจการร่วมค้า อะครอส เดอะ ยูนิเวิร์ส (ACROSS THE UNIVERSE JOINT VENTURE) เพื่อจัดคอนเสิร์ตเป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2566-2568 จัดปีละ 3 คอนเสิร์ต ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ประเดิมคอนเสิร์ตแรกปีนี้ จัดในวันที่ 29-30 ก.ค. 2566 คอนเสิร์ตครั้งที่ 2 จัดในวันที่ 9-10 ก.ย. 2566 และคอนเสิร์ตครั้งที่ 3 จัดในวันที่ 28-29 ต.ค. 2566 แต่ละคอนเสิร์ตจะเน้นไปที่ศิลปินในยุค 90 และ 2000 ซึ่งเป็นยุคที่เพลงเฟื่องฟูของทั้ง 2 ค่าย…
กลายเป็นดีลทอล์กออฟเดอะทาวน์ ที่คนทั้งในวงการเพลงและนอกวงการเพลงต่างให้ความสนใจ..!!
แต่ก็น่าคิด เหตุใด RS กับ GRAMMY ซึ่งที่ผ่านมาเหมือนเป็นเส้นขนานที่ไม่น่าจะมาเจอกันได้ กลับมีจุดตัดร่วมกันซะงั้น…
ถ้าให้วิเคราะห์ อาจเป็นเพราะ 1) ทั้งคู่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน จากกระแส Y2K (กระแสย้อนยุคช่วงก้าวข้ามผ่านระหว่างปี 1990-2000) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังถูกพูดถึงมาก และกลายเป็นกระแสบนโลกโซเชียลมีเดียตอนนี้ โดยเฉพาะกระแสเพลงดังในยุค 90 และ 2000
เห็นได้จากทุกครั้งที่ทางค่ายอาร์เอสหรือแกรมมี่ มีการจัดคอนเสิร์ตรียูเนียนศิลปินดังยุค 90 และ 2000 ก็มักได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนเพลง…ตรงจุดนี้เองที่ทำให้ทั้งคู่คงตีลังกาคิดแล้วว่า หากรวมศิลปินดังทั้ง 2 ค่าย มาไว้ในคอนเสิร์ตเดียวกัน ก็น่าจะปังกว่าเดิม คงล้วงเงินในกระเป๋าของแฟนเพลงได้มากขึ้นแหง ๆ…
แล้วอย่าลืมว่า แฟนเพลงที่เติบโตกับศิลปินดังยุค 90 และ 2000 น่าจะมีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งคนกลุ่มนี้เริ่มมีหน้าที่การงานที่มั่นคง มีกำลังซื้อ…การซื้อบัตรคอนเสิร์ตราคาเฉลี่ยใบละ 2,000-6,000 บาท คงไม่ใช่ปัญหา
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่เห็นทั้งคู่ฝันหวานจะสร้างรายได้จากโปรเจกต์นี้ภายใน 3 ปี ไม่ต่ำกว่า 660 ล้านบาท โดยในปีนี้คาดสร้างรายได้ราว 220 ล้านบาท และสร้างผลกำไรไม่ต่ำกว่า 50%
และ 2) จากการแข่งขันที่ดุเดือดเลือดพล่าน ปัจจุบันมีค่ายเพลงทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ บนดิน และใต้ดิน รวมกันมากกว่า 100 ค่าย ไม่นับรวมศิลปินเดี่ยวที่ออกมาทำเพลงเองผ่านช่องทางโชเชียลฯ ต่าง ๆ โดยไม่มีสังกัดค่ายอีกล่ะ ในขณะที่ RS กับ GRAMMY แม้จะมีจุดแข็งของตัวเอง แต่การที่ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลาย ก็อยู่ยากขึ้น จึงเป็นไฟต์บังคับให้ทั้งคู่ต้องหันมาจับมือเป็นพันธมิตรกัน แทนที่จะเป็นคู่แข่งกันเหมือนในอดีต
เข้าทำนองเปลี่ยนศัตรูมาสู่มิตรนั่นเอง..!!
ดังนั้น ไม่ว่าจะมองมุมไหน ดีลนี้ก็สมประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่…
แหม๊…รู้งี้น่าจะจูบปากกันตั้งนานแล้วมั้ย..?
เอาเป็นว่า บทสรุปของเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรในโลกธุรกิจหรือสนามการค้า…
อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ หากผลประโยชน์ลงตัวนะจิบอกให้..!!
…อิ อิ อิ…