เขย่าเอาของ?

ทุกครั้งที่ดัชนีขึ้นมายืนเหนือแนวต้านสำคัญทีไร มักเห็นรายการเขย่าหุ้นเพื่อให้นักลงทุนคายหุ้นออกมาเป็นประจำ


ทุกครั้งที่ดัชนีขึ้นมายืนเหนือแนวต้านสำคัญทีไร มักเห็นรายการเขย่าหุ้นเพื่อให้นักลงทุนคายหุ้นออกมาเป็นประจำ แต่บางคนอาจเรียกสถานการณ์แบบนี้ว่า “ทำกำไร” ซึ่งขึ้นอยู่กับนักเล่นรายนั้นอยู่ฝั่งไหน? เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้จะดีขึ้นไหม? หลังตัวแปรที่เคยเป็นแรงกดดันหลายอย่าง เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับพะย่ะค่ะ

ไล่เรียงตั้งแต่ความกังวลเรื่องแบงก์ฝั่งอเมริกา และยุโรปล้มเป็นโดมิโน ก็ไม่เป็นเหมือนที่กังวล และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ก็เป็นเรื่องที่ตลาดหุ้นซึมซับเยอะแล้ว หรือแม้แต่เรื่องสงครามที่คาราคาซัง ก็ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องวอรี่อีกต่อไป (ยกเว้น เกิดสงครามกับคู่ขัดแย้งรายใหม่) “โมนิก้า” ถึงมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยคราวนี้ น่าจะเป็นเพียงการทดสอบใจของนักเล่นมากกว่านะคะ

เนื่องจากการอ่อนตัวลงตั้งแต่เปิดเทรด แต่ระหว่างวันมีแรงซื้อเข้ามาพยุงเป็นระยะ มันคือประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” เชื่ออย่างสนิทใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 1,605.42 จุด ลบไป 5.10 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.09 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นโอกาสของการซื้อสวนเพื่อเพิ่มรอบในการทำกำไร เพราะทุกคนเคยเห็นแนวรับถัดมาที่ดัชนีลงมาพักอยู่แถว 1,580 จุดกันมาแล้ว (ภายใต้เงื่อนไขไม่มีเผือกร้อนชิ้นใหม่เกิดขึ้นอีก) จึงไม่มีเหตุต้องถอยร่นแบบสุดซอยเจ้าค่ะ

เหมือนกับการย่อตัวของเจ้าแม่นิคมอย่างหุ้น WHA ในระหว่างทางที่เป็นขาขึ้น “โมนิก้า” มองเป็นไซเคิลปกติของหุ้นที่มาแบบจัดเต็มในเรื่องโตแรง จึงเข้าใจเหตุผลการย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 4.22 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 0.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 264 ล้านบาท เพราะในทางปฏิบัติเมื่อเห็นภาวะตลาดหุ้นไม่เป็นใจ ก็จำเป็นต้องขายบางส่วนออกไปก่อน เพื่อรอจังหวะเหมาะ ๆ แล้วลุยต่ออีกยกนะจ๊ะ

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น SABUY ที่กลับมาวาดลวดลายบนกระดานหุ้นอีกครั้ง ก็เป็นจังหวะของการไหลตามน้ำของเหล่าผู้กล้าอย่างแท้ทรู แถมเหล่านักเล่นก็เริ่มรับรู้ว่า ปีนี้จะได้เห็นการบันทึกกำไรจริง ๆ เข้ามาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินการประกาศเทนเดอร์ฯ AS สร้างแวลูให้กับ “เฮียชู” ขนาดไหน? หลังหุ้นเดินหน้าบวกเป็นวันที่ 3 ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 12.40 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 311 ล้านบาทนะนายจ๋า!

ไหน ๆ ก็มาในสไตล์ลุยกันทั้งที “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงหุ้น SUPER เพื่อชี้ให้เห็นการขยับตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.62 บาท บวกไป 0.04 บาท หรือขึ้นไป 6.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 109 ล้านบาท หลังหุ้นอยู่ในทิศทางขาลงเป็นเวลาปีกว่า มันเป็นจังหวะที่ชวนให้เชื่อว่า การผงกหัวเที่ยวนี้น่าจะมีอะไรดี ๆ ออกมาโชว์อีกหรือเปล่า? แถมปีนี้เป็นจังหวะที่ต้องแก้มือเรื่องผลงานให้สำเร็จตามเป้าที่วางไว้แบบนี้..น่าสนใจจริง ๆ นะออเจ้า

เม้าท์ถึงหุ้นที่น่าเล่นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันไปมองหุ้น TGE ภายใต้การนำทัพของ “พี่ตู่” ขึ้นมาทันที เพราะเมื่อดูจากแผนงานที่จะปั๊มรายได้จากโรงไฟฟ้าขยะ ก็ทำให้เชื่อว่า วิธีการโตเท่าตัวไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน เพราะในไปป์ไลน์ที่เคยกางให้นักลงทุนดูแบบละเอียด ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้บริหารคนนี้ เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 2.06 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 94 ล้านบาท เหมาะสำหรับการลงทุนยาว ๆ เจ้าค่ะ

ส่วนนักเล่นที่ชอบความเสี่ยง และรักสนุกจนเป็นนิสัย “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นตงฟางปุ๊ป้าย TH แบบไม่ต้องอิดออดอะไรทั้งสิ้น เพราะทุกคนก็รู้เต็มอกอยู่แล้วว่า หุ้นตัวนี้มีคดีเกี่ยวกับหุ้น MORE ติดตัว แต่วานนี้ราคาหุ้นกลับวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.95 บาท บวกไป 0.11 บาท หรือขึ้นไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 108 ล้านบาท มันไม่สามารถตีความเป็นเรื่องอื่นได้เลย..ยกเว้นจะเม้าท์ว่า “เล่นอย่างเนียน ไถอย่างเซียน”..อิอิอิ

ตบท้ายกันที่หุ้นร้อนอย่าง STARK ภายใต้การกุมบังเหียนของ “ป๋านิน” กันดีกว่า เพราะเดี๊ยนเกิดอาการกระสันอยากรู้เหมือนชาวบ้านว่า วันนี้ส่งงบไหม? หลังจากคุณพี่ผลัดผ่อนกับ ตลท. ว่า ขอส่งงบภายใน 31 มี.ค. และวันนี้ก็ถึงเดตไลน์พอดีเสียด้วย ส่งผลให้บรรดากองทุนที่ถือหุ้นเกิดอาการลุ้นระทึกกันเป็นแถว เพราะเที่ยวนี้เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ในการคัมแบ็คเต็มตัว..หากคัมแบ็คไม่ได้เหมือนที่ลั่นวาจาไว้ อนาคตคงดับวูบพะย่ะค่ะ

Back to top button