SET มีโอกาสพักตัว หลังไร้ปัจจัยใหม่และใกล้วันหยุดยาว
สาเหตุที่ OPEC ประกาศลดกำลังการผลิตอีก เป็นเพราะ 1.แนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว 2.ราคาน้ำมันดิบลดต่ำมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดวิกฤตธนาคาร
InnovestX มองว่า สาเหตุที่ OPEC ประกาศลดกำลังการผลิตอีก เป็นเพราะ (1) แนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมากกว่าที่คาด น่าจะทำให้การประมาณการความต้องการน้ำมันของโลกผิดจากที่ OPEC เคยคาด โดยในรายงานเดือน มี.ค. OPEC เคยคาดว่าความต้องการน้ำมันโลกจะอยู่ที่ 103.4 บาร์เรลต่อวัน ณ ไตรมาส 4/66 ต่างจากที่ InnovestX คาดว่าจะอยู่ที่ 96 ล้านบาร์เรลต่อวัน
(2) ราคาน้ำมันดิบลดต่ำมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดวิกฤตธนาคารช่วงต้นเดือน มี.ค. โดยลดจาก 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงต้นเดือน มาอยู่ที่ 71 ดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน ก่อนที่จะปรับขึ้นมาอยู่ที่ 76 ดอลลาร์ก่อนลดกำลังการผลิต ทั้งนี้ ในส่วนของผลกระทบของการปรับขึ้นครั้งนี้ เบื้องต้น InnovestX มองว่าราคาในระยะต่อไปน่าจะปรับขึ้นจาก 70-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงก่อนหน้ามาอยู่ที่ 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามประมาณการของ InnovestX ซึ่งการขึ้นของราคาในระดับนี้ ไม่น่าจะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งภาพเช่นนี้สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอลงในช่วงที่ผ่านมา ทั้งตัวเลขตำแหน่งงานเปิดใหม่ (JOLT) ที่ลดลงมากเกินคาด ทั้งดัชนี ISM ภาคการผลิตสหรัฐฯ และดัชนี Caixin Manufacturing PMI ของจีน นอกจากนั้น แม้สถานการณ์วิกฤตธนาคารจะเริ่มคลี่คลาย แต่มาตรฐานความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อในระยะต่อไปจะมีมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มธนาคารขนาดกลางและเล็ก ซึ่งจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจชะลอลงในระยะต่อไป
ในส่วนของเงินเฟ้อไทย InnovestX มองว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาด เป็นผลจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงอีก 0.50 บาท/ลิตร นอกจากนี้ราคาสินค้าในกลุ่มอาหารลดลงหรือชะลอตัวลงในหลายกลุ่ม อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเงินเฟ้อพื้นฐาน และเงินเฟ้อผู้ผลิต พบว่าลดลงมากด้วยเช่นกัน บ่งชี้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อระยะต่อไปชะลอตัวลงมาก ทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ ธปท. จะส่งสัญญาณการยุติการขึ้นดอกเบี้ยหลังการขึ้นในเดือน พ.ค.
ส่วนภาพตลาดหุ้นไทย InnovestX มองว่า ช่วงสั้นมอง SET ยังมี Upside จำกัดและมีโอกาสพักตัว หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่และโดยปกตินักลงทุนจะชะลอการเข้าลงทุนจากการมีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ (ปกติเดือน เม.ย. วอลุ่มตลาดส่วนใหญ่จะลดลง MoM) อีกทั้งมุมมองที่แตกต่างระหว่างเฟดและตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจนำไปสู่ความผันผวนของตลาดในระยะถัดไป ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ ดังนี้
1) หุ้น Best of the best (รบกวนใส่ embedded link https://www.youtube.com/watch?v=XEha4oYwLV0&t=532s) ภายใต้วิกฺฤตการเงินในสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งมีพื้นฐานและฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีกำไรในปี 2566-67 เติบโตเฉลี่ยสูงกว่ากำไรของกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และ Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายด้วย PER และ PBV เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่บริเวณ -1.0 ถึง -2.0 S.D. ทำให้คาด Downside เริ่มจำกัด จึงมองเป็นโอกาสซื้อสะสม เลือก AU, BBL, BDMS, CPALL และ GULF
2) หุ้นที่มีสถิติให้ผลตอบแทนดีหากซื้อวันแรกหลังเปิดสงกรานต์และขายปลายเดือน เม.ย. โดยคัดเลือกหุ้นที่เราแนะนำ Outperform และมีปัจจัยบวกหนุน ได้แก่ กลุ่มพลังงาน เลือก PTT, BCP ซึ่งคาดได้อานิสงส์ราคาน้ำมันฟื้นตัวและค่าการกลั่นเข้าสู่ High Season, กลุ่มค้าปลีก เลือก HMPRO หลังอุปสงค์เครื่องใช้ไฟฟ้ากลุ่มให้ความเย็นปรับตัวดีขึ้นจากภาวะอากาศร้อนจัด และหุ้นปันผล เลือก AP, KKP, KTB และ LH ซึ่งจะขึ้น XD ในช่วงกลางเม.ย.-ต้นพ.ค.นี้