LEE มีดีที่ปันผล
ประเด็นการลงทุนใน LEE คงหนีไม่พ้นเรื่องของเงินปันผลเป็นหลัก เพราะทางบริษัทสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการลงทุนระยะยาวมากกว่าการลงทุนระยะสั้นๆ เนื่องจากราคาหุ้นบนกระดานไม่หวือหวาเท่าที่ควร ซึ่งจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เป็นส่วนใหญ่ นี่อาจเป็นจากการขาดสภาพคล่องทางการซื้อขาย
–คุณค่าบริษัท–
ประเด็นการลงทุนใน บริษัท ลีพัฒนาผลิตภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEE คงหนีไม่พ้นเรื่องของเงินปันผลเป็นหลัก เพราะทางบริษัทสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ จึงกลายเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการลงทุนระยะยาวมากกว่าการลงทุนระยะสั้นๆ เนื่องจากราคาหุ้นบนกระดานไม่หวือหวาเท่าที่ควร ซึ่งจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เป็นส่วนใหญ่ นี่อาจเป็นจากการขาดสภาพคล่องทางการซื้อขาย
ดังนั้น หุ้น LEE นี้เหมาะสำหรับนักลงทุนชอบซื้อเพื่อรอรับปันผลเป็นอย่างยิ่ง…
ดูได้จากปีที่ผ่านมา จะพบว่า LEE ปันผลดีจริงๆโดยดูจากปี 2554 จนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2554 บริษัทให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 6.40% ถัดมาในปี 2555 บริษัทให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 5.64% ส่วนในปี 2556 บริษัทให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 6.52% ขณะที่ในปี 2557 บริษัทให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 7.64% และในปี 2558 อาจคาดหวังอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนได้ที่ระดับ 6%
แม้ว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีรายได้รวมลดลงเหลือ 892.07 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,090.34 ล้านบาท เนื่องมาจากปัจจัยหลักคือกำไรขั้นต้นจากธุรกิจผลิตอาหารสัตว์ลดลง ซึ่งปริมาณขายอาหารกกุ้งที่ลดลง และเป็นผลกระทบมาจากโรคระบาดกุ้งตายด่วน (EMS) รวมทั้งปริมาณขายอาหารสัตว์บกที่ลดลงเช่นกัน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรลดลงเหลือ 34.45 ล้านบาท หรือ 0.04 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 46.88 ล้านบาท หรือ 0.05 บาทต่อหุ้น
ส่วนผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,617.10 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 2,821.03 ล้านบาท แต่บริษัทสามารถทำกำไรแค่ 86.80 ล้านบาท หรือ 0.09 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 119.35 ล้านบาท หรือ 0.13 บาทต่อหุ้น คงไม่ใช่เรื่องน่ากังวลสำหรับคนถือหุ้นลงทุนระยะยาว เพราะเป็นหุ้นมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอทุกปี และราคาหุ้นยังไม่ขยับขึ้นไปไกลสักเท่าไหร่ ทำให้อัตราเงินปันผลตอบแทนน่าจะออกมาสูงเหมือนกับปีก่อนๆ
เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินเพื่อเป็นตัวแปรในการตัดสินใจสำหรับการลงทุนพบว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งมากๆ เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 2,017.86 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 264.26 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 7.64 เท่า ถือว่าเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงทางการเงินมากพอสมควร และอาจเกิดภาวะทุนจมเสียด้วยซ้ำ
ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะบริษัทมีหนี้สินรวมแค่ 360.56 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นมากถึง 2,481.70 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.15 เท่า นั่นหมายความว่า บริษัทไม่มีปัญหาเรื่องหนี้สินอย่างแน่นอน
ว่าก็ว่า แม้ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3 ออกมากำไรลดลง แต่ด้วย LEE เป็นที่รู้จักแพร่หลาย และได้รับการยอมรับในตลาดลูกค้า จากคุณภาพของสูตรอาหาร สร้างความแตกต่างในสินค้า ซึ่งมีความแตกต่างจากคู่แข่ง และหากสภาพตลาดมีความต้องการใช้อาหารสัตว์มากขึ้น บริษัทยังมีกำลังการผลิตที่รองรับระบบการผลิตซึ่งมีปริมาณมาก ๆ ได้ บริษัทก็ยังสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทยังทำกำไรได้อยู่
ทั้งนี้ การปันผลก็ยังมีให้นักลงทุนสม่ำเสมอ…
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
1.นายนิพนธ์ ลีละศิธร 222,000,000 หุ้น 24.07%
2.นายปรีชา ลีละศิธร 120,000,000 หุ้น 13.01%
3.บริษัท แอ็ลไลแอนซ์ จำกัด 82,000,000 หุ้น 8.89%
4.บริษัท วอลล์ สตรีท ทาวเวอร์ จำกัด 35,000,000 หุ้น 3.80%
5.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 30,885,415 หุ้น 3.35%
รายชื่อกรรมการ
1.นาย วิสิทธิ์ ลีละศิธร ประธานกรรมการ
2.นาย นิพนธ์ ลีละศิธร ประธานกรรมการบริหาร
3.นาย นิพนธ์ ลีละศิธร กรรมการผู้จัดการ
4.นาย การุญ จันทร์มิ่งพร กรรมการ
5.นาง สุภาพร จงวิลัยวรรณ กรรมการ