BIG ยังสดใส
ธุรกิจกล้อง อุปกรณ์ถ่ายภาพ หรือมือถือและอุปกรณ์ ยังคงเป็นที่นิยมในตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเพราะกลุ่มคนที่ชอบท่องเที่ยว และบุคคลที่ชอบถ่ายภาพ อานิสงส์ดังกล่าวอาจเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก BIG เพราะมีจุดเด่นจากส่วนครองตลาดสูงถึง 55% อีกทั้งมีข้อได้เปรียบอย่างตลาดกล้อง Mirrorless ที่ได้รับความนิยมสูงมาก เพราะคุณภาพดีกว่า Smart Phone
–คุณค่าบริษัท–
ธุรกิจกล้อง อุปกรณ์ถ่ายภาพ หรือมือถือและอุปกรณ์ ยังคงเป็นที่นิยมในตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเพราะกลุ่มคนที่ชอบท่องเที่ยว และบุคคลที่ชอบถ่ายภาพ อานิสงส์ดังกล่าวอาจเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG เพราะมีจุดเด่นจากส่วนครองตลาดสูงถึง 55% อีกทั้งมีข้อได้เปรียบอย่างตลาดกล้อง Mirrorless ที่ได้รับความนิยมสูงมาก เพราะคุณภาพดีกว่า Smart Phone
แม้ว่าลูกค้าบางกลุ่มจะมีความเชื่อว่าการถ่านภาพจาก Smart Phone จะสะดวกกว่าการใช้กล้องถ่ายภาพ แต่ลูกค้าบางกลุ่มโดยเฉพาะวัยรุ่นจะให้ความสำคัญกับคุณภาพและความสวยงามจากภาพที่ได้รับ และไปลงใน Social Media ส่วนกล้องที่มีสัดส่วนการจำหน่ายเพิ่มเป็นอย่างดีคือ Mirrorless ที่มาแทน Compact และ DSLR เพราะมีน้ำหนักเบา มีฟังชั่นการใช้งานที่ให้ผลลัพธ์สวยงามกว่ามาก นั่นคือยอดจำหน่าย Mirrorless เทียบยอดจำหน่ายรวมเมื่อ ต.ค.57 มีสัดส่วนเพียง 29.6% แต่มาถึง ก.ย. 58 เพิ่มเป็น 50% แล้ว
อย่างไรก็ดีในช่วงไตรมาส4 เป็นช่วงไฮซีซั่นจะยิ่งทำให้รายได้มีความสดใสมากยิ่งขึ้น และยิ่งในช่วงปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมามีงาน Photo Fair 2015 อีกช่วยให้รายได้เพิ่มขึ้นไปอีก นอกจากนี้หลังบริษัทรับโอนกิจการบริษัทย่อยคือ บิ๊ก คาเมร่า จะเกิดประโยชน์ 2 ประการทันทีคือ 1) BIG จะสามารถเริ่มกลับมาจ่ายปันผลได้ครั้งแรกในอัตราผลตอบแทนที่สูง และ 2) ใช้ส่วนประหยัดภาษี 190 ล้านบาทในปี 59 เสริมกำไรได้ดียิ่งขึ้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 ออกมาได้ดีมาก บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,180.70 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 796.25 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการขายสินค้าที่เพิ่มขึ้น และรายได้จากการบริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 116.87 ล้านบาท หรือ 0.0331 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 30.92 ล้านบาท หรือ 0.0088 บาทต่อหุ้น
ส่วนผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3,146.80 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 2,308.68 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 260.61 ล้านบาท หรือ 0.0739 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 32.11 ล้านบาท หรือ 0.0132 บาทต่อหุ้น พบว่า การมีส่วนครองตลาดสูงสุดมีข้อได้เปรียบ บ่งบอกถึงความเข็มแข่งของตัวธุรกิจในการทำกำไรที่ดี
เมื่อมาวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัท เพื่อใช้เป็นตัวแปรในการตัดสินใจลงทุนพบว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียน 1,332.96 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียน 935.03 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 1.43 เท่า ถือว่าสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทดีพอสมควร
ขณะที่ปัญหาหนี้สินของบริษัทค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะบริษัทมีหนี้สินรวม 1,081.47 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น 713.98 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 1.52 เท่า ในส่วนของหนี้สินของบริษัทผู้บริหารควรรีบแก้ไข แต่มีข้อดีคือบริษัทยังทำกำไรอยู่
ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานใหม่เป็น 2.10 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 59 ที่ 15 เท่า และเปลี่ยนไปใช้ปี 59 แทนปี 58 รวมทั้งปรับเพิ่มตามการปรับประมาณการด้วย P/E ปี 59 ซื้อขายที่เพียง 10.8 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 20.7 เท่า PEG ที่เพียง 0.5 เท่า ปี 59 จะเป็นปีที่บริษัทมีโอกาสมากยิ่งขึ้น เพราะจะมีแบรนด์ขนาดใหญ่ เช่น Canon และ Nikon และอื่นๆลงมาเล่นในตลาดกล้อง Mirorless มากขึ้น
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
1.นายชาญ เธียรกาญจนวงศ์ 965,614,000 หุ้น 27.36%
2.นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ 321,552,000 หุ้น 9.11%
3.นายชิตชัย เธียรกาญจนวงศ์ 321,552,000 หุ้น 9.11%
4.นางวรรณ์กมล เธียรกาญจนวงศ์ 321,552,000 หุ้น 9.11%
5. นายกิตติเชษฐ์ โชคไพบูลย์ 296,424,400 หุ้น 8.40%
รายชื่อกรรมการ
1.นาย ชาญ เธียรกาญจนวงศ์ ประธานกรรมการ
2.นาย ชาญ เธียรกาญจนวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
3.นาย ธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ
4.นาย ธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการ
5.นาง วรรณ์กมล เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการ