GULF มุ่งหน้าสู่บริษัท 1 ล้านล้านบาท

หุ้นของ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ในปี 2566 ทางด้านราคาอาจจะย่อตัวลงมาตามสภาพของตลาดหุ้นไทยที่ถูกทุบราคาลงกันทั่วหน้า


หุ้นของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ในปี 2566 ทางด้านราคาอาจจะย่อตัวลงมาตามสภาพของตลาดหุ้นไทยที่ถูกทุบราคาลงกันทั่วหน้า แต่การที่บริษัทนี้ยังคงรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่อัตราเดิมที่ระดับ 11% จากผลพวงจากการเทกโอเวอร์ INTUCH ที่สามารถทำให้รวมงบการเงินเข้ามา ทำให้ในงบการเงินของ GULF แข็งแกร่งมากขึ้น จากการที่มีกำไรสะสมมากขึ้น และมาร์เก็ตแคปที่ส่งผลต่อความสามารถในการก่อหนี้ได้เพิ่มเติม และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงช่วยให้บริษัทมีความสามารถในทางการเงินที่โดดเด่นต่อไป

กำไรสะสมที่เกิดขึ้นจากกำไรสะสมในปี 2564 เมื่อสิ้นสุดปี 2565 มากถึง 4.18 หมื่นล้านบาท ทำให้ล่าสุดที่ GULF ออกหุ้นกู้ได้อีก 2.0 หมื่นล้านบาท ไม่กระทบถึงความน่าเชื่อถือทางการเงินของบริษัทแต่อย่างใด ดังจะเห็นได้จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากเพียงแค่ ร้อยละ 3.0  ต่อปีเท่านั้น

แม้ INTUCH จะมีกำไรสุทธิในครึ่งปีหลังลดลงค่อนข้างมากแต่ อัตรากำไรสุทธิของบริษัทยังทำนิวไฮ และการที่มติกรรมการบริษัทยังคงจ่ายปันผลต่อหุ้นยังคงเกินจริงต่อไป ถือเป็นเสน่ห์ของยักษ์ใหญ่โฮลดิ้งทางด้านคมนาคมที่ GULF เข้าไปถือครองหุ้นในสัดส่วนล่าสุดเกิน 45%

การจ่ายปันผลหุ้นละ 1.70 บาทของ INTUCH งวดปลายสิ้นปี 2565 ทั้งที่มีกำไรสุทธิงวดเดียวก็เพียงแค่ 0.60 บาท บวกกับเงินปันผลระหว่างกาลสดกลางปี 1.76 บาท (ทั้งที่กำไรต่อหุ้นบริษัท 1.62 บาท) ทำได้เพราะว่ากำไรสะสมของหุ้นยังมีเหลืออีกมากถึง 2.3 หมื่นล้านบาทเศษ เก็บเอาไว้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับผู้ถือหุ้น

แม้ว่าราคาหลังจากขึ้น XD ที่ร่วงลงมาหลังจากราคาก่อนหน้า ทำให้ค่าพี/อี ทะยานสูงสุดในรอบ 5 ปี แต่ราคาเทียบกับบุ๊กยังคงต่ำที่สุดในรอบ 4 ปีต่อไปที่ราคาบนกระดานซื้อขายล่าสุด 52.00 บาท

เห็นได้ชัดว่า INTUCH คือ “วัวที่ให้น้ำนมเป็นทองคำ” ต่อเนื่องจนสมกับเป็นบริษัทโฮลดิ้งชั้นเยี่ยม ทั้งนี้เพราะในแง่ธุรกิจ INTUCH ยังคงมีรายได้หลักจาก เอไอเอส หรือ ADVANC ที่ยังเป็นผู้นําในการให้บริการกับลูกค้าต่อเนื่อง โดยในไตรมาสสุดท้ายของปีที่มีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้นสุทธิมากถึงเท่าตัวจากทั้งจากผู้ใช้บริการระบบรายเดือน และ ระบบเติมเงิน ด้วยกลยุทธ์การตลาดแบบ “คั้นมะนาว”

นอกจากนั้น ADVANC ยังได้ขยายโครงข่ายการให้บริการเพิ่มพื้นที่ 5G ได้ครอบคลุม 81% ของจำนวนประชากรไตรมาสที่ 2/2565 รวมถึงธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านและกลุ่มธุรกิจลูกค้าที่เป็นองค์กรยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นถึง 28% จากระยะเดียวกันปีก่อน เกิดจากการขยายพื้นที่ให้บริการ และเน้นการทำตลาดแบบ FMC (Fixed-Mobile-Content Convergence) มากขึ้น แม้จะยังตามหลังค่ายทรู ที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้วและยึดครองอันดับ 1 มานานหลายปีแต่ถ้าหากดีลซื้อกิจการของ 3BB จากมือของ JAS สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ความได้เปรียบของค่ายนี้จะเพิ่มขึ้นมหาศาลจนถึงขั้นสามารถเสนอบริการ FMC ได้เพิ่งดึงลูกค้าจากกลุ่มทรูมาได้อีก อย่างชนิดก้าวกระโดด

ทางด้านบริการสื่อสารผ่านดาวเทียมของ THCOM ก็มีความคืบหน้าได้ดีต่อไป สามารถลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทในตุรกีกับ Hinduja Group และในตลาดอินเดีย ในการให้บริการบรอดแบนด์ในพื้นที่ห่างไกลและเครือข่ายการสื่อสารที่ยังเติบโตที่เร็วมาก รวมทั้งเป้าหมายในการร่วมพัฒนา IoT (Internetof Things) Solutions

การที่ THCOM ร่วมกับ บริษัท โกลบอลสตาร์ (Globalstar) ผู้ให้บริการระดับโลกด้านการสื่อสารผ่านดาวเทียมจากกลุ่ม โดยที่ส่วนใหญ่เป็นผลจากส่วนแบ่งผลกําไรจากไทยคม ส่วนใหญ่เป็นผลจากกําไร แม้ว่ายังคงมีส่วนแบ่ง ผลขาดทุนจากเงินทุนในการร่วมค้าซึ่งไม่มากนักในหลายตลาดต่างประเทศที่ยังไม่มีกำไรชัดเจน แต่มีอนาคตยาวไกล ด้วยเงินลงทุนราว 240 ล้านบาทในหลายบริษัทย่อย

การขยายกิจการนี้ออกไปให้แก่ ADVANC จะทำให้ INTUCH ในอนาคตรับรู้รายได้ทางตรงในรูปเงินปันผลซึ่งส่งผลทางอ้อมต่อผลกำไรของหุ้น GULF ในไตรมาสแรกและไตรมาสสามของปีนี้จะบันทึกกำไรจากปันผลของ INTUCH และการวมบัญชีของทั้งคู่เข้าด้วยกัน

นอกจากนั้นยังรวมเอากำไรโดยตรงจากธุรกิจโรงไฟฟ้าของ GULF ที่เริ่มทยอยให้ผลตอบแทนมากขึ้นจากการลงทุนต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา จนคาดไม่ยากว่าจะดันให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตขั้นอีกนอกเหนือจากการบริษัท มาร์เก็ตแคปที่มีขนาด 1 ล้านล้านบาท

ผลจากการขยายตัวแบบ 360 องศา แบบชาญฉลาดของผู้บริหารบริษัทที่เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ ในการสร้างการเติบโตด้วยความสามารถในการทำไรที่ต่อเนื่อง

Back to top button