ช่องว่างของอนาคตแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
วันที่ 2 ธันวาคม ราคาหุ้นพลังงานทางเลือก บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPERเกิดอาการร่วงลงมากกว่าตลาดกะทันหัน จากที่เคยยืนระดับ 1.80 บาท ลดลงไป 8.13% ราคาลงไปที่ต่ำกว่า 1.15 บาท
วันที่ 2 ธันวาคม ราคาหุ้นพลังงานทางเลือก บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPERเกิดอาการร่วงลงมากกว่าตลาดกะทันหัน จากที่เคยยืนระดับ 1.80 บาท ลดลงไป 8.13% ราคาลงไปที่ต่ำกว่า 1.15 บาท
คำอธิบายของแหล่งข่าว และ“กูรู“วงการหุ้นบอกง่ายๆ ว่า ขาใหญ่ที่ถือกอดมานานพากันแห่ขาย เพื่อเตรียมเงินสดไปใช้สิทธิแปลง SUPER-W2 ซึ่งเป็นการใช้สิทธิครั้งสุดท้ายในสัปดาห์หน้าก่อนหมดอายุ
พร้อมกับมีคำอธิบายน่าเวทนาว่า การร่วงลงของราคาเป็นเรื่องดี เพราะเป็นโอกาสซื้อถัวเฉลี่ยหรือซื้อลงทุน…หรือถัวเฉลี่ยลดขาดทุน
นักวิเคราะห์บางสำนักยุให้ซื้อชนิดไม่กลัวข้อหา “พาคนไปตาย“ บอกว่า พื้นฐานบริษัทกำลังเปลี่ยนเพราะตอนนี้มีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าสู่ระบบจ่ายไฟของ กฟภ.หรือ COD แล้ว 9 โครงการ รวม 36.95 เมกะวัตต์
แถมในไตรมาส 1/2559 ก็จะมีบันทึกรายได้จากการขายไฟฟ้า รับรู้เป็นกำไร
คำอธิบายดังกล่าวฟังแล้วดูดี หากไม่บังเอิญเคยมีผู้บริหารสูงสุดของบริษัทบอกว่า สิ้นไตรมาส 4 จะมี COD มากกว่า400 เมกะวัตต์
มันช่างแตกต่างกันสิ้นดี ระหว่าง 36.95 เมกะวัตต์ และ 400 เมกะวัตต์…ช่องว่างระหว่างการขายฝันของผู้บริหาร กับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เป็นมากกว่าเส้นขนาน
หากคิดถึงข้อเท็จจริงจากราคาก่อนเพิ่มทุนครั้งแรกของ SUPER ที่เหนือ 10 บาท ที่ตามมาด้วยวิศวกรรมอีนุงตุงนังสารพัดแถม SUPER-W1 เพื่อล่อคนไปแปลงสิทธิ์เพื่อจะได้ SUPER-W2 แล้วก็ตามมาด้วยเพิ่มทุนแจก SUPER-W3 อีก
ปรากฏการณ์ที่เราได้เห็นคือ ยิ่งผู้บริหารอย่างจอมทรัพย์ โลจายะ (โดยมีแรงสนับสนุนข้างหลังแข็งขันจากนักลงทุนใหญ่อย่างประเดช กิตติอิสรานนท์ ว่าอนาคตยาวไกล) ออกมาพูดถึงอนาคตอันสดใสของบริษัทเท่าใด ราคาหุ้นSUPER ดูจะวิ่งสวนทางอนาคตเพียงนั้น
จะบอกว่านักลงทุนไม่เชื่อความฝันของจอมทรัพย์ว่าจะบรรลุหรือไม่ คงมองโลกแง่ร้ายเกินจริงไปถึง…เหนือจริง
ยิ่งมีการประชาสัมพันธ์บอกว่า เริ่มมีกองทุนและนักวิเคราะห์เริ่มขอเยี่ยมชมกิจการแล้ว…วิธีปล่อยข่าวว่าหุ้นกำลังจะวิ่งอันสุดแสนโบราณ…ก็ดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ภาพลักษณ์ SUPER ที่บริษัทและผู้บริหาร กำลังจะเปลี่ยนเป็นหุ้นลงทุนระยะยาว สวนทางกับมุมมองของนักลงทุนที่ตรงกันข้ามว่า วอร์แรนต์จำนวนมากกว่า 2,600 ล้านหน่วย (ประมาณ11% ของหุ้นเดิม) คือตัวถ่วงราคาอย่างมีนัยสำคัญ เพราะทำให้หุ้นแม่เกิดdilution effect ทุกครั้งเมื่อถึงเวลาแปลงสิทธิ์
ข้อเท็จจริงที่ว่า ราคาแปลงสิทธิ์ของวอร์แรนต์ที่ SUPER ออกมานั้น ทำให้บริษัทได้เงินสดเข้ากระเป๋ามากขึ้น และมีเงินลงทุนโครงการใหม่ๆ มากขึ้น แต่ก็อย่างที่รู้กันดี โครงการ “เบี้ยหัวแตก“ของSUPER นั้น ใช้เงินทุนค่อนข้างเยอะในช่วงแรกๆ
ผลประกอบการของบริษัทแต่ละไตรมาส ที่ไม่สอดรับกับความฝันอันสวยหรูที่จอมทรัพย์ปากเปียกปากแฉะแถลงข่าวและให้สัมภาษณ์บ่อยครั้ง ไม่เพียงแต่ลดทอนน้ำหนักความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมีนัยสำคัญแล้ว ยังส่งผลสะท้อนมาที่ราคาหุ้นโดยตรง
บุ๊คแวลูล่าสุดของSUPER อาจจะถูกมองว่าเป็นภาพลวงตา แต่อนาคตที่มาช้ากว่าคำมั่นสัญญา โดยเฉพาะCOD ที่ต่ำกว่าเป้าหมายครั้งแล้วครั้งเล่า บั่นทอนความรู้สึกนักลงทุนระดับสาวกมากขึ้นทุกขณะ
บางครั้งนักลงทุนถึงกับตั้งคำถามว่า ที่ออกมาขายฝันถึงการลงทุนใหม่ๆ มันอาจจะหมายความถึงการเพิ่มทุนรอบใหม่อีกรึเปล่า…นี่ก็ชวนให้ตั้งคำถามได้มิใช่หรือ เพราะโดยข้อเท็จจริง SUPER มีตัวเลขทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มขึ้นไม่เคยขาด และทำให้ทรัพย์สินของบริษัทโตต่อเนื่องไม่หยุด
การเติบโตของบริษัทจากการเพิ่มทุน แต่รายได้ร่อแร่ที่ระดับต่ำ (9 เดือนแรกของปีนี้ ยังไม่ถึง300 ล้านบาทเลย) และยังมีตัวเลขขาดทุนให้เห็น…จะใช้สูตรคลาสสิก Let profit runs คงยากยิ่งกว่าตำนานกรีกโบราณเรื่องซีสซิฟัส เข็นหินขึ้นภูเขาหลายเท่า
ราคาหุ้นของSUPER ที่ยังไม่มีสัญญาณขาขึ้นในระยะอันใกล้ แค่สะท้อนว่าการขายฝันที่ยากจะบรรลุได้นั้น…มีผลลัพธ์อย่างที่เห็น…
ราคาไม่วิ่งลงไปที่พาร์ 0.10 บาทน่ะ ดีเท่าไหร่แล้ว
ป๋าดันที่ไหนก็ช่วยไม่ได้…เพราะป๋าดัน ก็โดนวิกฤตศรัทธาเล่นงานด้วย…อิอิอิ