พาราสาวะถี

ประเมินสถานการณ์ผลเลือกตั้งในส่วนพรรคสืบทอดอำนาจของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. กับ รวมไทยสร้างชาติ ยังไม่มีทีท่าว่าจะตีตื้นพรรคเพื่อไทยได้แม้แต่น้อย


ประเมินสถานการณ์ผลเลือกตั้งในส่วนพรรคสืบทอดอำนาจของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. กับ รวมไทยสร้างชาติของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ยังไม่มีทีท่าว่าจะตีตื้น หรือไล่บี้ไล่เบียดกับพรรคตัวเต็งอย่างเพื่อไทยได้แม้แต่น้อย พรรคนายใหญ่ยังคงยึดหัวตารางเหนียวแน่น ส่วนอันดับสองก็เป็นการบดบี้กันของภูมิใจไทยกับก้าวไกล เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างความเก๋ากับสดใหม่ หลังจากได้เห็นการขึ้นเวทีดีเบตจากหลายแห่งแล้ว ต้องยอมรับความจริงก้าวไกลทำคะแนนได้ดีกว่า

จนท้ายที่สุดคอการเมืองก็เชื่อกันว่าสดจะบดเก๋าเข้าป้าย ขณะที่พรรคของ อนุทิน ชาญวีรกูล การเข้าวินในอันดับ 3 ถือว่าไม่ขี้เหร่ ตัวเลข ส.ส.แม้จะไม่ถึงตามที่ตั้งเป้า แต่ก็จะได้มากกว่าครั้งที่ผ่านมา และทำให้มีพลังในการจับมือเป็นพรรคการเมืองขั้วที่สามร่วมกับพรรคสืบทอดอำนาจและพันธมิตรอีก 2-3 พรรค ซึ่งจนถึงนาทีนี้ทุกพรรคการเมืองเว้นพรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังเชื่อว่า เพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์แต่จะไม่เกิดการตั้งรัฐบาลเพื่ออยู่ยาวเหมือนคราวปี 2562 อีก

นั่นหมายความว่า รัฐบาลหลังเลือกตั้งไม่ว่าจะมีเพื่อไทยเป็นแกนหลัก หรือจะเป็นพรรคขั้วที่สามเป็นแกนนำ ทั้งสองกรณีมีเป้าหมายเหมือนกันก็คือ ไม่ปล่อยให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้ไปต่อ พร้อมกับการปิดสวิตช์ ส.ว. แม้ว่าการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหนนี้สมาชิกสภาสูงยังจะมีอำนาจร่วมยกมือหนุนแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคการเมืองต่าง ๆ ก็ตาม แต่จะเป็นการโหวตที่ ส.ว.ส่วนใหญ่ฟังเสียงประชาชน ไม่ใช่คำสั่งจากใครคนใดคนหนึ่ง

น่าสนใจ ตรงที่ว่าไม่ว่าจะเป็นสูตรตั้งรัฐบาลแบบไหน ทำไมพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่ได้ถูกจัดอยู่ในขบวนเหล่านั้น เว้นแต่จะเป็นขั้วการเมืองเดิม เหตุผลก็คือ พรรคเก่าแก่วันนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนในอดีตที่แม้จะเป็นฝ่ายค้านยาวนานเกือบ 20 ปี แต่ยังคงทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างแข็งขัน จนเป็นที่ยอมรับของคนที่ชมชอบ ทำให้ยังคงเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่มาโดยตลอด แต่หลังจากที่ไปถือหางม็อบนกหวีดก่อให้เกิดคณะเผด็จการ คสช. ทุกอย่างพลิกผันหน้ามือเป็นหลังเท้าทีเดียว

เหตุผลก็คือ กระบวนการของขบวนการสืบทอดอำนาจไม่ได้ดำเนินการกลไกเพื่อที่จะให้พรรคการเมืองที่เป็นพวกเดียวกันได้ประโยชน์  หากแต่ทั้งหมดเป็นการวางแผนเพื่อการอยู่ยาว มีเพียงพรรคเดียวได้รับอานิสงส์ก็คือพรรคสืบทอดอำนาจ จนเป็นที่มาของวลีทอง “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” เท่านั้นยังไม่พอ พลังดูดก็พุ่งเป้าไปที่คนของพรรคเก่าแก่เป็นด้านหลัก จึงทำให้ฐานเสียงที่แข็งแกร่งของพรรคทั้ง กทม.และภาคใต้พังราบ พบกับความปราชัยอย่างเจ็บปวด

ขณะที่ท่วงทำนองของการกระโจนเข้าสู่สนามเลือกตั้งครั้งนี้ จากพรรคที่เคยชูหลักการ ปฏิเสธแนวทางประชานิยมมาโดยตลอด กลับชูนโยบายที่เป็นไปในทิศทางเดียวกับพรรคการเมืองอื่นคือ ลด แลก แจก แถม เท่ากับเป็นการหันหลังให้กับจุดแข็งของพรรคที่ชูความเป็นสถาบันการเมืองอันเข้มแข็ง ไม่มีพรรคการเมืองไหนลอกเลียนแบบได้ กลายเป็นพรรคการเมืองธรรมดาทั่วไป แนวทางประชานิยมเช่นนี้ หลายคนอยากฟังคนอย่าง ชวน หลีกภัย และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นเวทีปราศรัยจะพูดขอคะแนนอย่างไร

ต้องไม่ลืมว่าอดีตหัวหน้าพรรคทั้งสองราย รายแรกเหมือนเป็นจิตวิญญาณ เป็นตัวแทนของความใสซื่อมือสะอาด และเป็นจอมหลักการ ต่อต้านประชานิยมมาโดยตลอด เช่นเดียวกับรายของอภิสิทธิ์ที่ยึดแนวทางเดียวกับคนที่ตัวเองถือเป็นไอดอลทางการเมือง จนหลงเหลี่ยมพวกอุปโลกน์ระบอบทักษิณ และทุนนิยมสามานย์ คัดค้าน ไม่เห็นด้วยกับพรรคการเมืองที่ยึดถือแนวทางนี้ แต่สุดท้ายพรรคเก่าแก่ยุคใหม่กลับเดินหน้านโยบายประชานิยมแบบเต็มตัว มันย่อมจะขัดต่อความรู้สึกของคนที่ยึดกุมหลักการเหนียวแน่นแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอภิสิทธิ์นั้นคงไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจอะไรต่อการวางทิศทางของพรรคเก่าแก่ภายใต้หัวหน้าพรรคที่ชื่อ จุรินทร์ ลักษวิศิษฏ์ เพราะตัวเองก็โดนพิษของการหนุนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและขบวนการสืบทอดอำนาจจากมติพรรค จนต้องกระเด็นกระดอนไปนอกถนนสายการเมืองนานกว่า 4 ปี การกลับมาขึ้นเวทีช่วยหาเสียงก็เป็นภาวะปฏิเสธไม่ได้ โดยที่เจ้าตัวได้ฟันธงไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ยังไงเพื่อไทยก็ชนะเลือกตั้งร้อยเปอร์เซ็นต์

การเดินเกมการเมืองในลักษณะนี้ของพรรคเก่าแก่ หากจะร่วมรัฐบาลได้มีเพียงเงื่อนไขเดียวคือ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกกระทอก ซึ่งมองกันว่ามีความเป็นไปได้ แต่น่าจะยาก ด้านพรรคเพื่อไทยการได้ฟังคำปราศรัยของแคนดิเดตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ประกาศไม่จับมือกับพรรคของพี่ใหญ่กับน้องเล็กเพราะเกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร ถือเป็นท่วงทำนองของคนที่ถือเป้าหมายแลนด์สไลด์เป็นสำคัญ ต้องปฏิเสธการจับมือกับคนกลุ่มนี้ เพื่อให้ฝ่ายประชาธิปไตยไม่ลังเลที่อยากจะเลือกเพื่อไทย

ขณะเดียวกัน ก็เป็นการประกาศบนพื้นฐานที่เชื่อว่ายังไงเพื่อไทยก็ชนะแน่นอน และมีเสียงมากพอที่จะไปจับมือกับพรรคซีกฝ่ายค้านในการตั้งรัฐบาล โดยลืมไปว่ายังมีด่านของ ส.ว.ลากตั้งยืนจังก้าขวางลำอยู่ ดังนั้น การไม่ร่วมกับพรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจพอจะเข้าใจได้ และไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น แต่สำหรับพรรคสืบทอดอำนาจนั้น เมื่อเสียง ส.ว.ยังมีความหมาย การอาศัยกำลังภายในของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.จึงจำเป็นอย่างยิ่งยวด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พรรคการเมืองทั้งหลายจะออกตัวไม่ประกาศจับมือหรือปฏิเสธพรรคใด จนกว่าจะได้เห็นตัวเลข ส.ส.กันเรียบร้อยแล้ว

เวลาสำหรับการเลือกตั้งเหลืออีกไม่นาน แต่เวลาสำหรับการฟอร์มรัฐบาลยังมีมากพอ เพราะกว่าที่ กกต.จะพิจารณาเรื่องร้องเรียนหลังเลือกตั้ง ประกาศรับรองความเป็น ส.ส.ของผู้ชนะการเลือกตั้งได้ทั้งหมด น่าจะกินเวลาไปอีกเดือนหรือสองเดือนหลังวันหย่อนบัตร ยังไม่นับรวมการตัดสินยุบพรรคหากเป็นพรรคการเมืองใหญ่อย่างเพื่อไทย ก้าวไกล หรือแม้แต่พรรคสืบทอดอำนาจ ความโกลาหลทางการเมืองหลังเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้นในทันที การเลือกตั้งที่มีองค์กรบริหารจัดการซึ่งคนเชื่อถือน้อย จึงไม่อาจฟันธงได้ว่า ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่มีการคาดหมายกันไว้

Back to top button