พาราสาวะถี
เพราะผลโพลมันจึงทำให้เกิดประเด็น รัฐบาลเสียงข้างน้อย และ เลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ เนื่องจากฝ่ายขบวนการสืบทอดอำนาจชัดเจนว่าแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง
เพราะผลโพลมันจึงทำให้เกิดประเด็น รัฐบาลเสียงข้างน้อย และ เลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ เนื่องจากฝ่ายขบวนการสืบทอดอำนาจชัดเจนว่าแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง พวกอนุรักษ์นิยมสุดโต่งจึงต้องเดินหน้ายุทธวิธีด้วยการเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์เพื่อเป้าหมายดันให้พรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้ที่นั่ง ส.ส.ไม่น้อยกว่า 25 เก้าอี้ เพื่อสิทธิในการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้ที่ประชุมรัฐสภาเลือก ซึ่งก็จะเข้าทางตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยตามที่เนติบริกรศรีธนญชัยพูด
กรณีนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นกูรูกฎหมายชั้นครูของประเทศ ยิ่งทำให้เห็นความเสื่อมของพวกที่รับใช้เผด็จการสืบทอดอำนาจอย่างไม่ลืมหูลืมตา ยิ่งได้ฟังว่าในระยะเริ่มต้นอาจจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่พออยู่ไปก็จะพลิกกลับมามีเสียงข้างมากได้ นั่นหมายความว่า พวกอนุรักษ์นิยมสุดโต่งไม่ได้แยแสต่อกระแสปฏิรูปการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหว่านเม็ดเงินเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและเก้าอี้ของฝ่ายบริหาร
จึงไม่แปลกที่จะเกิดปรากฏการณ์งูเห่ากินกล้วยอันอุตลุดในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พอได้ยินบทสัมภาษณ์ในเชิงสนับสนุนให้ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเพื่อหาช่องที่จะยกระดับให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมากได้แล้ว มันจึงเท่ากับเป็นการการันตีว่าตลอดระยะเวลาที่พรรคการเมืองซึ่งร่วมกันอุ้มสมเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้น การให้ได้มาซึ่งเสียงในสภาทั้งดึงตัวมาร่วมพรรค หรือเป็นการแจกกล้วยเพื่อขอเสียงเป็นบางครั้งในเรื่องที่สำคัญ กลายเป็นความอัปยศที่คนซึ่งอ้างว่าจะเข้ามาปฏิรูปการเมืองได้เพิกเฉย มิหนำซ้ำ ยังเป็นตัวการสนับสนุนให้เกิดการกระทำในลักษณะเช่นนี้เสียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านับตั้งแต่วานนี้ (7 พฤษภาคม) ไปจนถึงเวลาห้าโมงเย็นวันหย่อนบัตร โพลสำนักต่าง ๆ จะไม่สามารถนำเสนอผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนได้อีกต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงการชี้นำ แต่นั่นไม่ได้มีผลต่อการกำหนดท่วงทำนองทางการเมืองของแต่ละพรรคหลังการเลือกตั้งแต่อย่างใด เนื่องจากมีการอ่านเกมกันขาดหมดแล้ว ใครจะได้เสียง ส.ส.จำนวนเท่าไหร่ พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งจะได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน
เป็นความพร้อมใจของนักการเมืองและฝ่ายการเมือง เพื่อที่จะปิดสวิตช์ ส.ว.ไปโดยปริยาย ในขณะที่ตัวนายกฯ คนที่ 30 นั้น ไม่น่าจะมีอะไรพลิกผันแคนดิเดตจากพรรคแกนนำจะเป็นตัวเลือกแรก แต่หากไม่ได้รับสัญญาณไฟเขียวจากผู้มีอิทธิพลชี้นำสังคมได้ ก็จะเข้าสู่โหมดนายกฯ ทางเลือกเพื่อสางปัญหาความขัดแย้ง แน่นอนว่าทางเลือกอย่างหลังนี้ จะมีภาษีตรงที่สามารถประสานเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ลากตั้งบางส่วนได้ และไม่จำเป็นต้องรวมเสียง ส.ส.ให้ได้ถึง 376 เสียง
ความเสี่ยงจากกรณีนี้คือ การไม่มาตามนัดของพวกลากตั้ง เพราะการส่งซิกเรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็มีการขานรับมาจาก ส.ว.บางรายแล้วว่ามีความเคลื่อนไหวดำเนินการในลักษณะนี้จริง บนข้อแม้ที่ว่าจะต้องทำให้พรรคนั้นจะต้องผ่านการเลือกตั้งโดยได้จำนวน ส.ส.ที่ถึงเกณฑ์ของสิทธิในการเสนอแคนดิเดตนายกฯ ให้ได้ด้วย โจทย์นี้จึงมีความพยายามที่จะใช้เล่ห์กลเพื่อที่จะเล่นงานผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคคู่แข่งสำคัญในบางพื้นที่ซึ่งเป็นเป้าหมายของพรรคขบวนการสืบทอดอำนาจ
ดังนั้น เรื่องใหญ่ที่ ปกรณ์ มหรรณพ กกต.ได้ลั่นวาจาไว้เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา แม้จะเลยช่วงเวลาสองวันที่ได้ขีดเส้นไว้แล้ว แต่เชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์นี้อาจจะเป็นเรื่องการตัดสิทธิผู้สมัคร ส.ส.หลายรายในหลายเขตเลือกตั้ง หรือเป็นกรณีการรับคำร้องเพื่อยุบพรรคการเมืองบางพรรค แต่มีกระแสข่าววงในรายงานว่า เป็นเพียงการกระทืบเท้าขู่ เพื่อที่จะไม่ให้ใครมากล่าวร้าย ดิสเครดิต กกต.ก่อนหย่อนบัตรอีก หรือหากจะมีการพิจารณาประเด็นนี้ก็จะเกิดขึ้นหลังเลือกตั้ง
สำหรับการเดินเกมต่อสายจับมือกันหลังเลือกตั้ง อาจจะมีคำตอบจากระดับนำของทุกพรรคการเมืองตามมารยาทว่า ไม่มีใครทำกันโดยที่ยังไม่รู้ผลตัวเลขของ ส.ส.ที่จะออกมา ในความเป็นจริงการต่อรองหรือเจรจาหนนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องระหว่างพวกที่ทำหน้าที่มือประสานสิบทิศ หรือล็อบบี้ยิสต์ของแต่ละพรรคเท่านั้น หากแต่ยังมีบุคคลในระดับอีลิทที่คอยต่อรองเพื่อที่จะเปิดที่เปิดทางให้ฝ่ายมีอิทธิพลเหนือนักเลือกตั้งได้มีตำแหน่งแห่งหนในฝ่ายบริหารด้วย
มีการพูดถึงกระทรวงที่สำคัญไม่ว่าจะเป็น พลังงาน คลัง หรือ พาณิชย์ เพื่อที่จะให้ตัวแทนของกลุ่มอีลิทเข้าไปมีบทบาทในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้พลิกฟื้นคืนมาโดยเร็ว ตรงนี้เป็นไปตามข้อเสนอของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.เพื่อที่จะไม่ให้กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลเกิดการสะดุด เพราะทุกฝ่ายสมประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องห่วงน้องเล็กอีกต่อไป เมื่อไม่มีหัวโขนความเป็น ส.ส.ติดตัวด้วย ความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปในสนามเลือกตั้ง ก็จะถือเป็นการวางมือทางการเมืองที่ไม่เสียศักดิ์ศรี แม้อาจจะรู้สึกเสียหน้าที่ต้องปราชัยบ้างก็ตาม
สภาพความจริงคือ กระแสไม่ว่าพยายามจะปลุกอย่างไรก็ไม่กระเตื้อง ยิ่งมีประเด็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยเลยไปกันใหญ่ เรียกคะแนนเสียงได้แต่พวกอนุรักษ์นิยมสุดโต่งเท่านั้น ส่วนพวกที่ยังลังเลอยู่ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายในทันที ส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้บ้านเมืองเป็นเหมือนเดิมจึงต้องเลือกในสิ่งที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เป็นการไปตามกระแสไม่เข้าทางเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งการเปิดยุทธวิธีนี้พรรคที่จะได้รับผลกระทบก็คือพวกเดียวกัน เพราะแทนที่จะใช้วิธีการเลือกแบบบัตรเลขเลือกคนนี้ บัตรปาร์ตี้ลิสต์อีกพรรคหนึ่ง ก็เป็นการเทให้กับคน ๆ เดียวและพรรคเดียว เช่นนี้แล้วย่อมเกิดการโจมตีกันเองไปโดยปริยาย
ความเห็นของ ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ต่อกรณีนี้จึงต้องขีดเส้นใต้ ประชาชนเลือกตามเจตจำนงเสรีของตนเอง วาทกรรมเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ไม่ได้ผล นี่เป็นชัยชนะครั้งสำคัญของฝ่ายประชาธิปไตยที่จะแลนด์สไลด์อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพียงแต่เสียงของก้าวไกล มีความหมายว่าประชาชนกำลังยืนยันไม่เอาการรัฐประหาร ต้องการเผชิญหน้าอย่างเต็มที่ ไม่ท้อถอย ส่วนเสียงของเพื่อไทยมีความหมายว่าต้องการอยู่ดีกินดี มองแบบนี้ก็เท่ากับปิดประตูแพ้ได้เลย