ดักช้อนหุ้นเด้ง
เมื่อวันพุธที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยเหมือนถูกโดนเซตเกมด้วยกลุ่มคนทุบหุ้น!!! นี่เป็นเพียงการสมมติฐาน...เพราะอาการมันฟ้อง
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเหมือนถูกโดนเซตเกมด้วยกลุ่มคนทุบหุ้น!!! นี่เป็นเพียงการสมมติฐาน…เพราะอาการมันฟ้อง ซึ่งเปิดเช้ามาร่วงแรงกว่า 20 จุด จากถูกกลุ่มโดนเทกระจาด เหลือหุ้นเขียวกระปริดกระปรอยไม่กี่ตัว พอตกบ่ายก่อนตลาดปิดทำการก็พลิกกลับมาเป็นบวกได้อย่างหน้าประหลาดใจ SET รีบาวด์ปิดที่ระดับ 1,533.30 จุด บวกไป 4.87 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5.50 หมื่นล้านบาท เดี๊ยนเองก็ยังงวยงงเลยจ้า
แต่เมื่อเดี๊ยนมานั่งทบทวน จากประสบการณ์ที่อยู่ในแวดวงตลาดทุนมาอย่างยาวนาน คาดว่าจะมาจากแรงซื้อกลับหลังราคาหุ้นส่วนใหญ่ลงไปค่อนข้างมากแล้ว ประกอบกับดัชนีที่ลงลึกจนเข้าเขต Oversold เลยทำให้เห็นการรีบาวด์ขึ้นมานั่นเอง ผนวกกับมีข่าวดีจากตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือน เม.ย. 66 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้เล็กน้อยอยู่ที่ 2.67% ชะลอตัวอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน เป็นสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่องส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นด้วยนั่นเองเพคะ
เช่นเดียวกับของหุ้น JMT ราคาหุ้นเด้งกลับร้อนแรงจนปิดที่ระดับ 39.50 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 5.33% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 766 ล้านบาท ขณะที่สัญญาณเทคนิค RSI และ Slow Stochastic ผงกตัวขึ้นชัดเจนมาก “โมนิก้า” เชื่อว่าราคามีโอกาสซิ่งต่อ ผนวกกับข้อมูลการประเมินของนักวิเคราะห์ถึงทิศทางภาพรวมในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตสูงจากเป้าการซื้อหนี้เพิ่มเท่าตัวเป็น 1-1.5 หมื่นล้านบาทเลยนะจ๊ะ
เหมือนกับของหุ้น MTC จู่ ๆ ก็ซิ่งฝุ่นตลบ ราคาหุ้นเด้งขึ้นไปปิดที่ระดับ 35.50 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 5.19% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 372 ล้านบาท หากสามารถทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 75 วัน ทดสอบแนวต้านถัดไป 37 บาท ส่วนปัจจัยพื้นฐานตัวพอร์ตสินเชื่อยังเติบโตแข็งแกร่งคาดปี 66 โต 20% ตามเป้าของผู้บริหารที่วางไว้ เพราะว่าตั้งเป้าขยายสาขาอีก 600 สาขา เพื่อให้ได้ 7,268 สาขาในปีนี้ “โมนิก้า” เชื่ออาจเป็นตัวเลือกดี ๆ สำหรับนักลงทุนจ้า
คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น COM7 ราคาหุ้นเด้งกลับจนไปปิดที่ระดับ 26.25 บาท บวกไป 1.95 บาท หรือขึ้นไป 8.02% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 794 ล้านบาท หลังจากสัญญาณเทคนิคทุกตัวเข้าเขต Oversold งานนี้ “โมนิก้า” มองว่าเป็นการเข้ามาเพียงเก็งกำไรเท่านั้น เพราะยังไม่รู้เลยว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 1 จะออกมาหมู่หรือจ่า แต่ถ้าออกมาดีกว่านักวิเคราะห์คาดก็มีลุ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 28.25-29 บาทนะคะ
อีกรายที่ราคามักเด้งเป็นระยะคือ CPN ล่าสุดขยับขึ้นมาปิดที่ระดับ 69 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.73% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 556 ล้านบาท “โมนิก้า” คาดเดาว่านักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร ถึงความเชื่อมั่นว่ากำไรไตรมาส 1 จะปรับตัวขึ้นทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ทำให้จำนวนผู้เข้าศูนย์มากขึ้น มิหนำซ้ำรายได้ส่วนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านร้านอาหารและโรงแรมก็ปรับตัวดี แล้วอย่างนี้ไม่ให้เชื่อได้อย่างไรว่าโตเจ้าคะ
ส่วนรายของ MINT ทรงดีมากโดยเฉพาะสัญญาณเทคนิค หลังจากราคาฝ่าวงล้อมกรอบบนสามเหลี่ยมขึ้นมาปิดที่ระดับ 33.25 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3.10% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 802 ล้านบาท ดังนั้น “โมนิก้า” มองเห็นถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของโมเมนตัมกลับขึ้นมาอยู่ในแดนบวกอีกครั้ง ซึ่งอาจหนุนราคาปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยคาดอาจจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 34-34.50 บาท บอกไว้ไม่อยากให้ใครต้องตกขบวนเดี๋ยวต้องไปรอสถานีหน้านะจ๊ะ
ตบท้ายกันที่หุ้น OTO ราคาหุ้นก็ขึ้นเอ๊าขึ้นเอาจนล่าสุดปิดที่ระดับ 19 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.53% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 144 ล้านบาท “โมนิก้า” มองว่ายังไม่พอแค่นี้ หลังได้ดึงผู้บริหารมือดี “บัณฑิต สะเพียรชัย” อดีตแม่ทัพบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมานั่งรองประธานบอร์ด พร้อมเคาะเพิ่มทุนขายพีพี 50 ล้านหุ้น และออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาท รองรับแผนขยายการลงทุนโรงไฟฟ้า ปูทางขึ้นสู่ผู้นำธุรกิจ Climate Tech หนุนผลงานเติบโตก้าวกระโดดในอนาคต เดาไม่ยากบรรดากองเชียร์ที่เชื่อมั่นจะกระโจนเข้าใส่ต่อแน่พะย่ะค่ะ