อนาคตของการเมืองไทยกับตลาดหุ้น
คงไม่ต้องถามกันอีกว่าผมจะออกจากคูหาเลือกตั้งคราวนี้ด้วยคะแนนเลือกพรรคไหน เพราะผมอยากให้สังคมไทยไปข้างหน้าอย่างเป็นรูปธรรมครับ
ตลาดหุ้นหรือที่จริงคือดัชนี SET จะเคลื่อนตัวเป็นขาขึ้นหรือต่ำลง หลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้ผ่านพ้นไปแล้ว คำตอบอยู่ที่ว่า หลังจากที่รัฐบาลหลังจากที่ทราบผลการเลือกตั้งจะเป็นพรรคใดเป็นแกนหลักของรัฐบาลผสม
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ขอบังอาจคาดเดาสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นดังต่อไปนี้
-ผลการเลือกตั้งออกมาชัดเจนว่าใครชนะถล่มทลายไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาดัชนีจะวิ่งขึ้นแรงเพราะตลาดรู้ว่าจะต้องปรับตัวแบบไหน เพราะที่ผ่านมาแม้กระทั่งการทำรัฐประหารโดยกองทัพ ก็ยังทำให้ตลาดหุ้นวิ่งขึ้นไปได้ ตลาดหุ้นนั้นไม่สนใจหรอกว่าบ้านเมืองจะเป็นขวาจัดหรือขวากลาง ๆ ขอให้ผลลัพธ์มีความชัดเจนก็เพียงพอแล้ว อย่าได้เชื่อว่าพรรคใดจะได้เป็นแกนนำแล้วดัชนีจะเป็นขาลง
-ในทางกลับกันหากรัฐบาลผสมหลังเลือกตั้งไม่มีความชัดเจน อาจจะทำให้รัฐบาลอยู่ได้ไม่นานเพราะการเมืองวุ่นวาย มีการประท้วงกันวุ่นวาย สังคมไทยโดยเฉพาะสื่อไทยจะทำหน้าที่เชื้อเชิญให้กองทัพทำรัฐประหารอีกครั้ง เพื่อ “นำความสงบกลับคืนมา” ดัชนีตลาดหุ้นจะเริ่มต้นเป็นขาลง
ภาพที่คลุมเครือของตลาดหุ้นไทยจากนี้ไปจึงขึ้นกับประชาชนไทยว่า ต้องการอนาคตทางการเมืองแบบไหน แต่กติกาของการเลือกตั้งคราวนี้ทำให้บรรยากาศทางการเมืองย้อนกลับไปสู่การเมืองแบบพรรคใหญ่ได้ทั้งหมดแบบปี 2540-2547 ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่าพรรคที่ได้คะแนน ส.ส.เขตมากกว่าจะได้คะแนน ปาร์ตี้ลิสต์สูงกว่าตามไปด้วย ไม่ใช่ด้วยกติกาพิลึกแบบการเลือกตั้งปี 2562 ที่เอาคะแนนส.ส. เขตไปหักลบจนกระทั่งไม่สามารถได้เสียงในปาร์ตี้ลิสต์เลย และทำให้พรรคที่มีคะแนนส.ส.เขตต่ำมากสามารถหลุดอย่างหน้าด้าน เข้ามาตั้งรัฐบาลด้วยการยุบพรรคของตนเองเสีย
กติกาใหม่นี้ทำให้พรรคเพื่อไทยที่่มีความช่ำชองในเขตภาคอีสานและภาคเหนือจะคว้าชัยชนะเข้ามาเป็นแกนนำการจัดตั้งรัฐบาลได้หากไม่ถูกพลังจากกกต.กับศาลรัฐธรรมนูญเล่นงานจนยุบพรรคเสียก่อน
จากนั้นการเมืองไทยจะเปลี่ยนโฉมหน้าไป แม้จะทำให้แฟนคลับของพรรคนี้อึดอัดใจกับกลยุทธ์ “สู้ไป กราบไป” ของคนที่มีอิทธิพลเบื้องหลังอย่างทักษิณ ชินวัตร แต่นโยบายทางเศรษฐกิจและสังคมของพรรคนี้ น่าจะขับเคลื่อนทางสังคมไทยชนิดที่ไม่อาจจะหวนคืนกลับมาย่ำรอยเดิมได้อีก
แม้ว่าจุดจบของพรรคเพื่อไทยอาจจะลงเอยด้วยการรัฐประหารโดยกองทัพอีกครั้ง แต่บทเรียนจากความก้าวหน้าของที่พรรคไทยรักไทย และพรรคเพื่อไทยได้ทำเอาไว้ น่าจะโอกาสอีกครั้งเพื่อสานต่อภารกิจที่ยังไม่ แล้วเสร็จ ในปฏิบัติการขับเคลื่อนสังคมไทย
คงไม่ต้องถามกันอีกว่าผมจะออกจากคูหาเลือกตั้งคราวนี้ด้วยคะแนนเลือกพรรคไหน เพราะผมอยากให้สังคมไทยไปข้างหน้าอย่างเป็นรูปธรรมครับ และอยากเห็นดัชนี SET ทะยานแรงสุดในโลกแบบปี 2546 ครับ