ทะเลสีดำ!โมนิก้าและทีมงาน
*ดูเหมือนสูตรสำเร็จของการลงทุนในปีนี้จะเป็นอะไรที่พูดยากมากๆ เพราะมีส่วนผสมของหุ้นพื้นฐานแกร่ง บวกกับหุ้นเก็งกำไรปะปนอยู่ตลอดเวลา กูรูบางรายถึงกับส่ายหัวลูกหัว พร้อมกับสบถถ้อยคำออกมาอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำกันทั้งนั้น “โมนิก้า” ก็เลยนึกถึงคำพูดของปราชญ์ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า “สมองของคนเหมือนพื้นดินที่ว่างเปล่า เมื่อปลูกอะไรลงไป ก็จะได้ผลเป็นอย่างนั้น … จึงควรปลูกฝังแต่สิ่งดีๆ ลงไปในสมองนะคะ
*ดูเหมือนสูตรสำเร็จของการลงทุนในปีนี้จะเป็นอะไรที่พูดยากมากๆ เพราะมีส่วนผสมของหุ้นพื้นฐานแกร่ง บวกกับหุ้นเก็งกำไรปะปนอยู่ตลอดเวลา กูรูบางรายถึงกับส่ายหัวลูกหัว พร้อมกับสบถถ้อยคำออกมาอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำกันทั้งนั้น “โมนิก้า” ก็เลยนึกถึงคำพูดของปราชญ์ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า “สมองของคนเหมือนพื้นดินที่ว่างเปล่า เมื่อปลูกอะไรลงไป ก็จะได้ผลเป็นอย่างนั้น … จึงควรปลูกฝังแต่สิ่งดีๆ ลงไปในสมองนะคะ
*เนื่องจากการคิดถึงแต่สิ่งดีๆ มักทำให้ปัญหาใหญ่ๆ กลายเป็นเพียงบททดสอบกระบวนการทางความคิด เหมือนเช่นเพลง “ทะเลสีดำ ไม่มีแสงไฟมองไม่เห็นทาง… เธอกลัวหรือไม่ เธออาจเหน็บหนาวทุกคราวที่เจอะคลื่นลม อาจมองไม่เห็นเส้นของขอบฟ้าไกล เธอแน่ใจ…(ฉันแน่ใจ)” “โมนิก้า” ถือเป็นท่วงทำนองที่ทำให้เดี๊ยนต้องยืนหยัดอยู่บนการแสดงความคิดเห็นที่เป็นอิสระนะจะบอกให้
*งานนี้ไม่ได้ดราม่าเพื่อบีบน้ำตาขอความเห็นใจ แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจถึงการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายควรมีจุดยืนที่ชัดเจน เพราะสังคมต้องการคำตอบจากปากผู้รู้ว่า เรื่องจะเดินต่อไปอย่างไร?ซึ่งเหมือนกับการอ่อนตัวของดัชนีลงมาปิดที่ 1,306.98จุด ลบไป 26.59 จุด ด้วยมูลค่า 3.69 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” คิดว่าคงมีตัวเร้าที่ทำให้นักลงทุนกลุ่มต่างๆ ต้องทิ้งหุ้นออกมาก่อนเจ้าค่ะ
*โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่เป็นกองทุน! ทำไมถึงแสดงจุดยืนด้วยการเทขายหุ้นอุตลุด แถมวานนี้สาดหุ้นออกมา 1.50 พันล้านบาท ขณะที่ฝรั่งขี้นกโยนออกมาแค่ 350 ล้านบาท ส่วนปอบผีฟ้าขอเกาะกระแสด้วยการขว้างออกมา 180 ล้านบาท ส่วนแมงเม่าปีกแข็งรับของเข้าพอร์ตไป 2 พันล้านบาท มันเป็นโจทย์ที่ต้องคิดกันต่อไปว่า แนวรับ 1,300 จุด..เอาอยู่ไหม? พะยะค่ะ
*เนื่องจากเป็นที่ทราบกันมาระยะหนึ่งแล้วว่า หุ้นไทยยังมูลค่าที่สูงเกินไปเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน และหนทางเดียวที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาเป็นที่สนใจก็คือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต้องออกมาดี แต่เมื่อดูความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจะเห็นว่า มันยากเหลือเกินที่จะได้เห็นเรื่องแบบนั้น เพราะสภาพแวดล้อมไม่เอื้อให้บริษัทต่างๆ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนเช่นที่ผ่านมานะซี
*เหมือนกับอาการที่หุ้น CPALLโดนถล่มอย่างหนักหน่วงจนหาทางกลับบ้านไม่เจอ พร้อมกับทำให้จุดเด้งกลายเป็นจุดต้องทิ้งหุ้นหนีตายกันจ้าละหวั่นนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่ควรให้ผู้รู้มาให้คำตอบกับสาธารณชนว่า เกิดอะไรขึ้น?วานนี้หุ้นถึงดิ่งลงมาปิดที่ 41 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 4.60% ด้วยมูลค่า 2.50 พันล้านบาท และคนที่จะเม้าท์เรื่องนี้ได้ดีสุดคงหนีไม่พ้นกองทุน เพราะวานนี้ยอดขายโชว์หรา..แบบสุดซอยเลยนิ…อิอิอิ
*อีกหนึ่งรายที่โดนจัดหนักไม่แพ้กันก็คือ PTTโดนถล่มตั้งแต่เช้าจรดเย็นนั้น มันมีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ทุกคนเลยมองไปในทางเดียวกันว่า เข้าสู่วงจรขาลงอย่างเต็มตัว! และทางออกที่ดีสุดสำหรับคนที่มีหุ้นตัวนี้อยู่ในพอร์ตก็คือ ขายทิ้ง วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมานอนอยู่ที่ 241 บาท ลบไป 11 บาท หรือลงไป 4.40% “โมนิก้า” เลยสงสัยว่าจะเกิดปรากฏการณ์ double bottomที่บริเวณ 240 บาท เหมือนก่อนหน้านี้ไหมเจ้าค่ะ
*ส่วนหุ้นน้องใหม่ SPRCของมันเห็นกันอย่างทนโท่ว่า ผ่านจุดพีคของการทำธุรกิจมาแล้ว และวันนี้มีแต่คนมองภาพเป็นลบ ประจวบกับสถานการณ์หลายอย่างออกไปในโทนร้าย “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 8 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 11% เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า มีแต่คนส่ายหน้าหนี การประคองตัวปิดที่ระดับนี้ได้ เดี๊ยนถือว่าทรงยังดี และภาวนาว่า อย่าได้มีใครโดยหุ้นออกมาอีก เพราะได้ข่าวว่าส่วนใหญ่ยังกอดหุ้นไว้อยู่ หากวันนี้เกิดจิตตกล่ะก็..เละยิ่งกว่าโจ๊กเปิดฝาหม้อแน่ๆ พะยะคะ
*หุ้นอีกหนึ่งกลุ่มที่สภาพดูไม่จืด และทุกครั้งมักมีส่วนร่วมกับตลาดเป็นประจำก็คือ หุ้นกลุ่มแบงก์ วันนี้ไม่ต้องถามว่าใครมีสภาพดีกว่ากัน เพราะที่เห็นในวันนี้ คือ เละกันถ้วนหน้า!โอกาสที่หุ้นจะฟื้นตัวในระยะสั้น ยังมีความเป็นเป็นไปได้อยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนโอกาสที่จะฟื้นตัวอย่างบูรณาการเหมือนแต่ปางก่อนนั้น ลืมไปได้เลย! เพราะวันนี้มีแต่คำว่าลดพอร์ตหุ้นใหญ่..ไม่เชื่อลองไปหารีเสิร์ชต่างประเทศอ่านดูซิค่ะ
*ส่วนที่พลิกล็อกสุดๆ น่าจะเป็นในรายของ THAI จู่ๆ เด้งขึ้นอย่างร้อนแรง ทั้งที่มีข่าวออกมาอีกระรอกเกี่ยวกับขาดทุนจากการสต๊อกอะไหล่ 4 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นมูฟเม้นท์ที่ไม่ค่อยเวิร์กสักเท่าไหร่ และมองไม่เห็นเหตุผลในการดันหุ้นขึ้นมาปิดที่ 7.85บาท บวกไป 0.35บาท หรือขึ้นไป 4.70% ในขณะที่พรรคพวกอย่าง BAกลับโดนสอยร่วงลงมากองอยู่ที่ 21 บาท ลบไป 0.70บาท หรือลงไป 3% มันเป็นภาพมุมกลับที่นักลงทุนต้องไปคิดกันเอาเองว่า มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรเจ้าค่ะ
*ผิดกับในรายของ TACCวันนี้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า หุ้นโกรทสต๊อกต้องมีสตอรี่ดีคอยหล่อเลี้ยง และที่สำคัญต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนให้ได้ และดูเหมือนผู้บริหารหนุ่มไฟแรงอย่าง “ชัชชวี วัฒนสุข” จะทำผลงานตรงนี้ได้ค่อนข้างดีเสียด้วย วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.66บาท บวกไป 0.52บาท หรือขึ้นไป 12.60% ด้วยมูลค่า 1.40 พันล้านบาท..เดี๊ยนเม้าท์ได้แค่ว่าทีเด็ด..ไม่เชื่อลองดูต่อไปเรื่อยๆ ซิจ๊ะ