พาราสาวะถี
วันอาทิตย์นี้ได้รู้กันคนที่ขอทำต่อจะได้อยู่ต่อไป หรือขั้วการเมืองใหม่จะได้จัดตั้งรัฐบาล คนจำนวนไม่น้อยก็ยังไม่ไว้วางใจการทำงานของ กกต.
วันอาทิตย์นี้ได้รู้กันคนที่ขอทำต่อจะได้อยู่ต่อไป หรือขั้วการเมืองใหม่จะได้จัดตั้งรัฐบาล แต่น่าแปลกใจที่จะได้หย่อนบัตรกันอยู่รอมร่อ คนจำนวนไม่น้อยก็ยังไม่ไว้วางใจการทำงานของ กกต. ขนาดขู่ฟ่อด ๆ จะฟ้องทุกรายที่ดิสเครดิต ทำลายความน่าเชื่อถือ คนที่รักความถูกต้องก็ไม่มีใครกลัว ยิ่งได้เห็นความผิดพลาดจากการเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา มันยิ่งทำให้หวั่นใจกันว่าชะตากรรมของการคืนอำนาจให้ประชาชนหนนี้มันจะจบลงแบบไหน
หากเป็นการเลือกตั้งในบริบทการเมืองปกติทั่วไปเหมือนก่อนการรัฐประหาร 2557 ทุกคนคงไม่หวั่นวิตก หรือต้องเฝ้าจับตามองกันขนาดนี้ ผลพวงของความบกพร่องจากการบริหารจัดการเมื่อคราวเลือกตั้ง 2562 ตามมาหลอกหลอนผ่านเลือกตั้งล่วงหน้า และไม่รู้ว่าเลือกตั้งทั่วไปจบลง 14 พฤษภาคม บ้านเมืองจะสามารถเดินเข้าสู่เส้นทางปกติได้หรือไม่ อย่างน้อยถ้าไม่มีใครไปร้องเรื่องเลือกตั้งล่วงหน้าก็อาจสบายใจได้เปลาะหนึ่งว่าเลือกตั้งไม่เป็นโมฆะแน่
แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามกลไกที่ควรจะเป็น เมื่อคนไม่ศรัทธาเชื่อมั่นเสียแล้ว คำขู่ที่บอกว่าจะมีเรื่องใหญ่ภายใน 2 วันนี้นับตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมเป็นต้นมา แม้จะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คอการเมืองจำนวนไม่น้อยก็ยังหวั่นใจว่า หลังเลือกตั้งอาจจะตามมาด้วยการยุบพรรคการเมืองเป้าหมาย ไม่ใช่แค่เพื่อไทย ก้าวไกล แต่ยังพ่วงเอาพลังประชารัฐเข้าไปด้วย เห็นผลงานที่ผ่านมาจากกรณีของอนาคตใหม่กันแล้ว คนจึงมีแนวโน้มเชื่อไปในทิศทางที่ว่ามีความเป็นไปได้มากกว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้น
ถือเป็นกรรมของประเทศ เพราะกติกาที่ออกแบบมาไม่ใช่เพื่อให้ยกระดับประชาธิปไตยของประเทศ ไม่ได้สร้างความเข้มแข็งให้กับระบบการเมืองและพรรคการเมือง มิเช่นนั้น คงไม่เกิดวาทกรรม “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” ปัญหาสารพัดที่เกิดจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ไม่นับรวมกระบวนการตีความที่เกิดขึ้นกับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ หากไม่มีการแก้ไขให้มีบัตรเลือกตั้งสองใบเสียก่อน ไม่อยากนึกภาพว่าสภาพการเมืองและการเลือกตั้งหนนี้จะเป็นอย่างไร
ไม่เพียงแต่คนจดจ้องดูการทำหน้าที่ของคนคุมกติกาและให้คุณให้โทษกับนักเลือกตั้งและพรรคการเมืองเท่านั้น หากแต่เรื่องการโกงการเลือกตั้ง วิชาสามานย์ทั้งหลายก็เป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันอย่ากะพริบตาเช่นเดียวกัน ขึ้นชื่อว่าพวกอย่างหนาที่ฝ่ายให้คุณให้โทษพร้อมจะอุ้มสมแล้ว ย่อมสามารถทำอะไรที่คนทั่วไปคาดไม่ถึงได้ตลอดเวลา เห็นการชี้นำเรื่องยิงเลเซอร์หาเสียง และการอ้างจัดการเกี่ยวกับพวกที่อ้างสิ่งไม่บังควรแล้ว ก็พอจะเดาได้ว่าถ้ามีการใช้วิธีการสกปรกอีก ผู้คุมกฎจะชี้ขาดอย่างไร
อย่างไรก็ตาม โค้งสุดท้ายก่อนหย่อนบัตรมีสัญญาณที่น่าสนใจอีกประการนั่นก็คือ การถอดใจของผู้สมัคร บางจังหวัดถึงขั้นเก็บป้ายหาเสียงของตัวเองเกลี้ยง ด้วยเหตุที่ว่าพรรคไม่ส่งกระสุนดินดำสนับสนุนเหมือนอย่างที่ตกลงกันไว้ มิหนำซ้ำ พอรวมตัวกันถามหาความชัดเจนกลับได้รับคำตอบว่าพรรคไม่ใช่แหล่งเงินทุน ผู้สมัครต้องดูแลกันเองบ้าง ตามหลักการอาจถูกต้องหากทำเหมือนกันทุกราย แต่กลายเป็นว่าเกิดความเหลื่อมล้ำเรื่องการช่วยเหลือระหว่างพื้นที่เป้าหมายกับจังหวัดที่คาดว่าไม่น่าจะมีโอกาสได้รับเลือก
เมื่อเป็นเช่นนั้น แทนที่จะเกิดการทุ่มเทช่วง 100 เมตรสุดท้าย เลยเกิดการหยุดนิ่ง พร้อมถอยทัพกันเป็นแถว แนวทางเช่นนี้คงชี้ให้เห็นว่า เป้าหมายของพรรคการเมืองดังว่าคือการอัดทุกสรรพสิ่งที่มีให้กับพื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้ได้ตัวเลข ส.ส.ไม่น้อยกว่า 25 ที่นั่ง นำไปสู่สูตรการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยไม่แยแสว่าผลเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร หรืออีกทางคือการเปิดทางถอยหากอีกฝ่ายแลนด์สไลด์ได้เสียงถล่มทลาย การหวังใช้เสียงลากตั้งมาโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีความหมาย
สูตรการตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ว่ากันว่า ด้วยเห็นปัญหาที่อยู่เบื้องหน้า แม้เพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งและก้าวไกลตามมาเป็นอันดับสอง สองพรรครวมกันได้คะแนนเสียงเกิน 300 ที่นั่ง ก็ยังไม่เพียงพอที่จะปิดสวิตช์ ส.ว. ดังนั้น จึงจะเกิดการเล่นบทผู้เสียสละ โดยที่พรรคอันดับรองพร้อมที่จะโหวตให้กับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคชนะเลือกตั้งแต่ไม่ขอร่วมรัฐบาล แล้วปล่อยให้พรรคแกนนำไปประสานจับมือกับพรรคการเมืองอื่น ๆ
แนวทางเช่นนี้เพื่อที่จะไม่ให้พรรคของตัวเองด่างพร้อย ได้รับผลกระทบจากการประกาศที่ว่าจะไม่สังฆกรรมกับพรรคที่เคยร่วมสนับสนุนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและขบวนการ ขณะเดียวกัน ก็จะไม่ทำให้พรรคที่จะเข้าร่วมกับพรรคชนะเลือกตั้งต้องลำบากใจ ด้วยข้อเสนอเรื่องมาตรา 112 ที่พรรคกระต่ายขาเดียวว่าต้องแก้ไข ส่วนพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ย้ำในจุดยืนนี้ นี่จึงเป็นทิศทางการเมืองขั้วใหม่เพื่อล้างขบวนการสืบทอดอำนาจให้หมดไป
ยิ่งถ้าลงลึกไปในรายละเอียดของตัวบุคคลที่จากการประสานงานกันในทางลับ ยิ่งได้เห็นภาพชัดว่ามีความเป็นไปได้มากขนาดไหน มีการจัดวางทั้งตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร อันจะมีบทบาทสำคัญในการจัดการประชุมและนำไปสู่การโหวตเลือกนายกฯ มองข้ามช็อตกันไปถึงการแต่งตั้งคณะทำงานด้านต่าง ๆ เพื่อที่จะแสดงเจตนารมณ์บริสุทธิ์ในการทำให้ประเทศก้าวพ้นความขัดแย้ง และเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ประชาชนกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยเร็ว
กระบวนการต่าง ๆ เหล่านี้ โดยมารยาททางการเมืองไม่มีหัวหน้าหรือพรรคใดยอมรับว่า ได้มีการประสานจับมือกันไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเห็นแนวโน้ม ทิศทางของเสียงประชาชนที่ชัดเจนขนาดนี้แล้ว ประสานักเลือกตั้งอาชีพย่อมมีการเตรียมพร้อมกันไว้ทุกด้าน ปัจจัยที่จะเป็นตัวแปรมันจึงอยู่ที่ผู้คุมกฎและชี้ขาดการเลือกตั้ง จะทำให้ทุกอย่างราบรื่น เรียบร้อย หรือยังต้องรับใช้สนองพระคุณที่มีต่อกันไม่รู้จักจบจักสิ้น ต้องทิ้งทางถอยไว้เช่นนี้เพราะอย่าลืมพวกอย่างหนากล้าทำทุกอย่างโดยไม่แยแสว่าบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟหรือประเทศจะหายนะอย่างไร