BH แจ่ม! แนวโน้มสดใสทั้งปี
ที่เด่นสุดคือ อัตรากำไรสุทธิของ BH เติบโตอย่างชัดเจน เป็น 26% จาก 17.5% ในงวดเดียวกันปีก่อน
เส้นทางนักลงทุน
ในรอบสัปดาห์นี้ ราคาหุ้น BH ของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) เริงร่าดีดตัวแรงขึ้นไปทำสถิติสูงสูดใหม่ระหว่างวันที่ 256 บาท จากสถิติสูงสุดเดิมในรอบ 1 ปี ทำไว้ที่ 248 บาท แรงซื้อที่ผลักดันราคาหุ้นวิ่งเป็นผลจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าผลประกอบการไตรมาส 2 จะออกมาดี สนับสนุนจากตัวเลขจำนวนคนไข้ต่างชาติที่ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ปี 2566
ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา BH รายงานรายได้รวมอยู่ที่ 6,091 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.7% จาก 4,152 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2565 ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 118.4% เป็น 1,583 ล้านบาท จาก 725 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปีก่อน
…ที่เด่นสุดคือ อัตรากำไรสุทธิของ BH เติบโตอย่างชัดเจน เป็น 26% จาก 17.5% ในงวดเดียวกันปีก่อน…
แต่หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าแล้ว ทั้งรายได้และกำไรสุทธิของไตรมาส 1 ปี 2566 แค่ทรง ๆ ตัว เพิ่มขึ้นเพียง 0.4% และ 2.4% ตามลำดับ มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 26% เทียบกับ 25.5% ในไตรมาส 4 ปี 2565 หากเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนแล้ว ไตรมาสแรกปีนี้ BH มีรายได้กิจการโรงพยาบาลเติบโต 47.5% มาจากการเติบโตของรายได้ผู้ป่วยต่างชาติบินเข้ามารักษา (Fly-in) เติบโต 104.6%
ผู้ป่วยกลุ่มที่โตมากสุด คือ ตะวันออกกลาง ดีขึ้นกว่าเดิม 146.9% แม้ว่าช่วงรอมฎอน 40 วัน จะอยู่ปลายไตรมาส 1 ราว ๆ 10 วัน ก็ตาม รองลงมาเป็นกลุ่มอินโดไชน่าที่เติบโต 59.9% ขณะเดียวกันยังได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศของจีน ผู้ป่วยกลุ่มนี้จึงเพิ่มขึ้น 183.6% ด้านผู้ป่วยต่างชาติที่พำนักในไทยที่เข้ามารักษาตัว เติบโต 12.1% ส่วนรายได้จากผู้ป่วยคนไทยก็เติบโตเช่นกันที่ 9.5%
สำหรับสาเหตุที่อัตรากำไรขั้นต้นของ BH พุ่งขึ้นอย่างโดดเด่น เนื่องจากผู้ป่วย Fly-in ส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามารับการรักษามักจะเป็นโรคที่มีความรุนแรงซับซ้อนแบบผู้ป่วยใน บวกกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (Selling, General and Administrative) หรือ SG&A เพิ่มขึ้นเพียง 17% จึงช่วยหนุนกำไรให้เติบโตอย่างมาก การหลั่งไหลกลับมารับบริการของต่างชาติ ทำให้เชื่อว่า BH จะรับทรัพย์ต่อเนื่อง กินค่ารักษาพยาบาลและค่าบริการยาว ๆ ต่อไปในไตรมาส 2 ปี 2566
ผู้บริหาร BH มองรายได้ไตรมาส 2 ปี 2566 ยังเติบโตได้เป็นตัวเลข 2 หลักเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 แม้จะเป็นช่วงโลว์ซีซัน (low season) มีวันหยุดยาวจากเทศกาลสงกรานต์ และรอมฎอน แนวโน้มรายได้กิจการโรงพยาบาลไตรมาส 2 อาจจะอ่อนตัวจากไตรมาส 1 แต่จากการเดินทางมารักษา (Traffic) ของผู้ป่วยต่างชาติ Fly-in ยังต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ป่วยจากจีนและผู้ป่วยจากซาอุดีอาระเบียที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ตลอดจน BH ได้เพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยหนัก หรือ ICU อีก 9 เตียง ในเม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้จำนวนเตียง ICU เพิ่มเป็น 63 เตียง และจำนวนเตียงทั้งหมดเพิ่มจาก 538 เตียง ในไตรมาส 1 ซึ่งมีอัตราการครองเตียง 72% เป็น 547 เตียง และกำไรขั้นต้นที่คาดจะขยับสูงขึ้น จากผู้ป่วย Fly-in ที่มารับการรักษาโรคที่มีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น จะส่งผลให้กำไรไตรมาส 2 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน
ส่วนครึ่งหลังของปี 2566 ก็ไม่น่าเป็นห่วง มีแนวโน้มสดใสเติบโต ทั้งไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ซึ่งเป็นฤดูกาลไฮซีซัน ของธุรกิจโรงพยาบาล เพราะเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้มีการแพร่ระบาดของโรค เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือโรคที่มากับน้ำท่วมขัง ทั้งโรคฉี่หนู และไข้เลือดออก ส่วนไตรมาส 4 เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว
ในไตรมาส 3 ยังเป็นช่วงวันหยุดภาคฤดูร้อนของชาวตะวันออกกลาง ซึ่งนิยมพาครอบครัวมาเที่ยว พร้อมกับการเข้ารักษาตนเอง โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย และคูเวต ซึ่งเป็นตลาดที่ BH รุกเข้าไปเจาะตลาดมากขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แลนด์ แอน เฮ้าส์ ชี้ว่า กำไรไตรมาส 1 ที่ออกมา คิดเป็น 27% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2566 แล้ว ขณะที่ไตรมาส 2 และครึ่งหลังของปี 2566 ก็ยังคงสดใสทั้งจากงวดปีก่อนและไตรมาสก่อน ทำให้ตัดสินใจปรับเพิ่มประมาณการกำไรทั้งปีนี้ขึ้นอีกราว 8% มาอยู่ที่ 6,361 ล้านบาท เติบโต 28.8% ให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 280 บาท และคาดจะเติบโตต่อเนื่องอีก 10% ในปี 2567
เนื่องจาก BH ยังเตรียมแผนสร้างโรงพยาบาลแห่งที่ 2 จำนวนเตียง 548 เตียง ใช้งบลงทุนราว 4.3 พันล้านบาท ที่จังหวัดภูเก็ตในสิ้นปีนี้ และเปิดให้บริการได้ปี 2567 เพื่อรองรับผู้ป่วยต่างชาติในระยะยาว
ด้วยเหตุนี้ BH จึงถูกเลือกให้เป็น Top pick ของกลุ่มโรงพยาบาล ดันราคาหุ้นเด้งตอบสนอง