หุ้นงบพัง

ในช่วงที่ “โมนิก้า” กำลังปั่นต้นฉบับอย่างเอาเป็นเอาตาย และการนับคะแนนเลือกตั้งกำลังเข็มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ


ในช่วงที่ “โมนิก้า” กำลังปั่นต้นฉบับอย่างเอาเป็นเอาตาย และการนับคะแนนเลือกตั้งกำลังเข็มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ต้องเบนเข็มมาเม้าท์ถึงสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทย เพื่อชี้ให้เห็นผลงานไตรมาส 1 มีทั้งที่ “ดี” และ “ไม่ดี” มันคือตัวการสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยเละเทะอย่างที่เห็น เพราะหุ้นส่วนใหญ่ที่เขาเม้าท์กันว่า ผลงานน่าจะพอไปวัดไปวา เอาเข้าจริงกลับเละเป็นโจ๊ก จึงกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เดี๊ยนชอกช้ำระกำใจไงล่ะคะ

ฉะนั้นการที่ดัชนีร่วงหล่นลงมาปิดที่ระดับ 1,561.35 จุด ลบไป 6.05 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.71 หมื่นล้านบาท จึงเป็นภาพสะท้อนความผิดหวังที่มีต่อผลงานในไตรมาส 1 และเรื่องนี้อาจกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้ดัชนีลงไปทดสอบแนวรับ 1,500 จุดอีกครั้ง และเป็นจังหวะที่บีบคั้นให้นักเล่นต้องยอมคัตลอสแบบไม่มีทางเลี่ยง เพราะไม่รู้ว่า ผลงานไตรมาส 2 จะออกมาในทาง “ฟื้น” หรือ “ทรุด” น่ะซี

สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะเม้าท์ถึง “หุ้นงบพัง” เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นว่า เดี๊ยนก็รู้สึกโซแซดสุด ๆ เหมือนกับแฟนคลับทั้งหลาย เพราะข่าวจริงที่เกิดขึ้นมันช่างตรงกันข้ามกับข่าวเม้าท์ก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำตัวเป็นคนโลกสวยอย่างไร้เหตุผล และควรทำตัวล้อไปกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงมากกว่า เพราะมันเป็นระเบิดอีกลูกที่พร้อมจะบึ้มเมื่อประกาศงบไตรมาส 2 เจ้าค่ะ

รายแรกที่สร้างความผิดหวังซ้ำซากจนไม่อยากจะเหลือบมอง “โมนิก้า” คงต้องตัดใจมองไปที่พ่อดอกมะลิ JAS เป็นรายแรก เพราะในมุมของธุรกิจก็มีปัญหา และมองไม่เห็นโอกาสในการเติบโต ขณะเดียวกันก็ต้องแบกรับผลขาดทุนต่อไปเรื่อย ๆ หลังต้นทุนในการทำธุรกิจยังพุ่งไม่หยุด เดี๊ยนถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 1.25 บาท ลบไป 0.53 บาท หรือลงไป 29.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 279 ล้านบาท ไม่ใช่จุดต่ำสุดของการลงเที่ยวนี้เจ้าค่ะ

เช่นเดียวกับผลงานที่ทรุดฮวบของหุ้น CHASE ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เพราะในมุมของข่าวสารธุรกิจตามเก็บหนี้ ทุกคนก็มองในด้านบวกกันทั้งนั้น แต่สุดท้ายกำไรลดมากถึง 80% จึงโดนกระหน่ำขายแบบไม่มีเยื่อใย จนหุ้นลงมานอนกองอยู่ที่ระดับ 1.93 บาท ลบไป 0.63 บาท หรือลงไป 24.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 181 ล้านบาท กลายเป็นช็อตที่ทำให้ทุกคนตกอยู่ในห้วงของอาการแหยงกันเป็นแถวนะจ๊ะ

โดยอาการที่ว่า ก็ดูได้จากสถานการณ์ของหุ้น ITC ที่ไหลลงแบบขั้นบันได แม้ในบางจังหวะจะดีดขึ้นมาได้บ้าง แต่สุดท้ายก็โดนกดลงหนักกว่าเดิม จนราคาหุ้นทำ all time low ให้เห็นเนือง ๆ ก็เป็นผลมาจากกำไรไตรมาส 1 ทรุดลงมากถึง 50% ขณะที่กำไรต่อหุ้นก็ทรุดหนักจนขนหัวลุก “โมนิก้า” ถึงไม่แน่ใจว่า การแก้เกมซื้อหุ้นคืนจะประคองราคาหุ้นได้นานแค่ไหน? หลังหุ้นยืนปิดเสมอตัวที่ 21.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 165 ล้านบาทแล้วน่ะซี

อีกรายที่ทำให้นักวิเคราะห์ตกอยู่ในอาการเซ็งเป็ดไปตามกัน คงต้องมองไปที่หุ้น TRUE เป็นรายถัดมาในทันที เพราะผลงานที่เขาเม้าท์กันจะออกมาดี แต่สุดท้ายก็ออกมาต่ำกว่าคาดอีกตามเคย “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นออกอาการเซื่องซึมเป็นเวลานาน ก่อนจะยืนปิดไปที่ระดับ 7.65 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 0.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 890 ล้านบาท เพราะภาพของหุ้นยังอยู่ในสถานะหุ้นขี้โรคไงล่ะคะ

อีกรายที่ทำทางมาดีเป็นเวลานาน แต่สุดท้ายก็เสียทรงไปซะฉิบ “โมนิก้า” ขอให้มองไปที่หุ้น SVI แบบไม่ต้องรีรออะไรทั้งสิ้น เพราะตัวเลขกำไรที่ลดฮวบ 40% ท่ามกลางธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ถึงจุดอิ่มตัว และกำลังอยู่ในทิศทางชะลอตัว มันทำให้การยืนปิดที่ระดับ 8.35 บาท ลบไป 1.05 บาท หรือลงไป 11.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 138 ล้านบาท อาจเป็นจุดเริ่มต้นขาลงรอบใหม่ เพราะทุกอย่างมันดูผิดที่ผิดเวลาไปหมดน่ะซี

ปิดท้ายกันที่หุ้น BANPU กันดีกว่า เพราะเป็นหุ้นที่อยู่ในข่ายหมดเสน่ห์ จนมองไม่เห็นโอกาสที่จะหวนคืนบัลลังก์หุ้นเด่นได้เลยแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก ๆ เพราะเมื่อแกะดูเนื้อในพบว่า มีบางรายการเข้ามาช่วยให้งบยังดูดี แต่ถ้าตัดในส่วนนั้นออกไปจะเห็นว่า กำไรไม่โต! บรรดานกรู้ถึงรินหุ้นล่วงหน้าเป็นเดือน และเมื่อประกาศงบออกมาจริง ๆ เลยโดนกระทืบซ้ำอย่างหนัก จึงเห็นหุ้นลงมายืนที่ระดับ 8.15 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.58 พันล้านบาทแบบไร้เรี่ยวแรงต่อสู้จ้า!

Back to top button