เด้งแล้วลง?

อันที่จริง “โมนิก้า” อยากมองตลาดหุ้นไทยใน “แง่บวก” มากกว่า “แง่ลบ” แต่สถานการณ์หลังเลือกตั้งไม่อาจทำให้มองดีได้เลยสักอย่าง


อันที่จริง “โมนิก้า” อยากมองตลาดหุ้นไทยใน “แง่บวก” มากกว่า “แง่ลบ” แต่สถานการณ์หลังเลือกตั้งไม่อาจทำให้มองดีได้เลยสักอย่าง เพราะเมื่อคลี่นโยบายแต่ละอย่างออกมาดูแบบละเอียด มันเหมือนเป็นการทุบตลาดหุ้นแบบไม่สนใจกระบวนการอะไรเลย! ขณะเดียวกันหากพวกสีส้มไม่ทำตามที่เคยหาเสียงไว้ ก็เหมือนเป็นการผิดคำพูด เดี๊ยนถึงมองตลาดหุ้นยังอยู่ในห้วงสุญญากาศไงล่ะคะ

ฉะนั้นการที่ดัชนีเด้งแรงตั้งแต่เปิดเทรด จนขึ้นไปจุดสูงสุดที่ 1,541.06 จุด ก่อนจะโรยตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,526.69 จุด บวกไป 3.95 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.47 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดีในมุมของแนวรับที่ยังทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม “โมนิก้า” มองการเล่นเที่ยวนี้เป็นเพียงการดีดตัวทางเทคนิค ผสานกับต่างประเทศดีดตัวแรงกันเป็นแถว ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยออกอาการระริกระรี้อย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับจินตนาการว่า ทุกอย่างจะสวยหรูแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เจ้าค่ะ

ความคิดตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ๆ ในมุมของพวกหัวอ่อน เพราะของมันเห็นกันเต็มสองลูกตาว่า สถานการณ์หลายอย่างมันเปลี่ยนตลอดเวลา จึงไม่ควรหลงระเริงกับสิ่งยั่วยุทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นประเดี๋ยวประด๋าว “โมนิก้า” ถึงมองการผงกหัวในเที่ยวนี้ น่าจะเป็นจังหวะของการ take profit เพื่อเอากำไรมานอนไว้ในกระเป๋าแบบอุ่น ๆ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลยังกลิ้งไปกลิ้งมาน่ะซี

เหมือนกับการเข้ามาไล่ราคาหุ้น DELTA แบบดุดันไม่เกรงใจใคร จนหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 87.50 บาท บวกไป 7 บาท หรือขึ้นไป 8.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.10 พันล้านบาท ก็ต้องยอมรับตามความเป็นจริงว่า ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากกำไรสวย ขณะเดียวกันก็ได้พวกกองทุนเข้ามาสวมบทป๋าดัน ส่งผลให้ทุกอย่างดูเลิศสะแมนแตนเหลือเกิน พร้อมกับจุดประกายความหวังน่าจะเห็นหุ้นขึ้นไปถึงร้อยก็เท่านั้นเองจ้า!

ส่วนรายที่มาสวยหยดย้อย และนับวันจะสวยขึ้นอีก “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น NEX เพื่อชี้ให้เห็นผลงานไตรมาส 1 ที่เริ่มกลับมามีกำไร มันคือเครื่องการันตีว่า ไตรมาส 2 กำไรน่าจะเพิ่มขึ้น และไตรมาส 3 ก็ยังมีกำไรต่อไป หรือสรุปง่าย ๆ ทั้งปี 66 กำไรไม่ต่ำกว่าห้าร้อยล้าน เดี๊ยนถึงอยากให้นับจำนวนรถที่จะส่งมอบเป็นเท่าไหร่? ต่อจากนั้นจะรู้ว่า การยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 13.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 674 ล้นบาท มีแก๊ปให้เล่นเยอะขนาดไหน?

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นตัวแม่อย่าง EA เพื่อชี้ให้เห็นกำไรไตรมาส 1 ก็โตถึง 70% ซึ่งเป็นผลมาจากไฟฟ้า แบตเตอรี่ และรถไฟฟ้า โกยเงินไม่ยั้ง! จึงทำให้เชื่อว่า ปีนี้ยังเป็นปีทองของหุ้นสุดเลิฟของอีฉันต่อไป พร้อมกับมองว่า การที่หุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 64.50 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 699 ล้านบาท คือเซฟโซนที่แฟนพันธุ์แท้หุ้นเติบโตทยอยเก็บได้นะจ๊ะ

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น PRTR ก็มีมุมให้นักเล่นที่ชื่นชอบหุ้นสไตล์ “ช้าแต่ชัวร์” ได้ทยอยเก็บหุ้นเช่นกัน เพราะเมื่อดูจากสเต็ปการเติบโตที่ชัดเจน ก็ทำให้เชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 7.40 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 4.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 62 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 20 เท่า มันเป็นระดับที่ไม่มีอะไรทำให้ซีเรียสเลยจริง ๆ ผนวกกับที่ผ่านมามีการเขย่าหุ้นแบบสุดซอยมาแล้ว จึงเป็นจังหวะของการฟอลโล่หรือเปล่า?..ลองไปคิดกันดูนะคะ

สำหรับคนที่ชื่นชอบความหวือหวาในชีวิต “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SABUY มากกว่าหุ้นตัวอื่น ๆ เพราะตั้งแต่เปลี่ยนตัวเองเป็นหุ้นเทคแบบเต็มตัว ก็มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาให้เห็นมากมาย และในปีนี้ก็วาดหวังกันว่า ครึ่งปีหลังจะมีทีเด็ดออกมาโชว์อีกเพียบ ผนวกกับเฮียชูสั่งลุยสุดตัวแบบนี้..เดี๊ยนเลยต้องถามแฟนคลับว่า การยืนปิดที่ระดับ 11.50 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 7.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 250 ล้านบาท น่าเล่นขนาดไหน?

ส่วนรายที่คัมแบ็กอย่างสมบูรณ์แบบ และเป็นการขึ้นต่อเนื่องอย่างร้อนแรง “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น XO ภายใต้การกุมบังเหียนของ “เฮียคิด” ก็มีมุมให้ติดตามเยอะเหลือเกิน เพราะการที่หุ้นพุ่งพรวดจากฐาน 12 บาท โดยใช้เวลาแค่ครึ่งเดือนขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 18.40 บาท บวกไป 2.30 บาท หรือขึ้นไป 14.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 278 ล้านบาท ย่อมมีสตอรี่เด็ดเป็นแบ็กอัพอย่างแน่นอน จึงเป็นเรื่องที่ต้องตามดูอย่างใกล้ชิดนะจ๊ะ

Back to top button