Telehouse ยึดหัวหาด ‘ดาต้าเซ็นเตอร์’
การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เป็นความท้าทายของผู้ประกอบการไทย ด้วยความที่ Digital Transformation ไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในองค์กร
การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เป็นความท้าทายของผู้ประกอบการไทย ด้วยความที่ Digital Transformation ไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในองค์กร แต่กลับเป็นการปฏิวัติองค์กรทุกส่วนให้เป็นดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรบุคคล วัฒนธรรมองค์กร ตลอดจนถึงการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงาน
เห็นได้จากบริษัทต่าง ๆ มีการสร้างโซลูชันดิจิทัล เช่น แอปพลิเคชันบนมือถือหรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ การย้ายจากโครงสร้างพื้นฐานคอมพิวเตอร์ในองค์กร เป็นการประมวลผลบนคลาวด์ ที่สำคัญมีการพัฒนา AI หรือปัญญาประดิษฐ์ มาใช้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและลดต้นทุน นำไปสู่ประสิทธิภาพการทำกำไรมากยิ่งขึ้น
นั่นทำให้ “ดาต้าเซ็นเตอร์” กลายเป็นสิ่งจำเป็นและขาดไม่ได้ในกระบวน Digital Transformation ส่งผลประเทศไทย เป็นหมุดหมายของบรรดาผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับภูมิภาคและระดับโลก
ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา Telehouse หนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศไทย ย่านถนนพระราม 9 ด้วยเงินลงทุน 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 2,500 ล้านบาท) โดยดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้ มุ่งที่จะเป็นศูนย์รวมการเชื่อมต่อภายในภูมิภาคและทั่วโลก และเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100%
โดย Telehouse เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก ที่ได้ขยายการเติบโตมายังประเทศไทย ถือเป็นแห่งที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จาก Telehouse ที่มีทั้งหมด 45 แห่งทั่วโลก
มีพื้นที่อาคารกว้าง 9,000 ตร.ม.ด้วยกำลังการรับไฟฟ้าสูงสุด 9.5 เมกะโวลต์แอมแปร์ (MVA) มุ่งเป็นผู้นำการเชื่อมต่อโครงข่าย ตั้งเป้าเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ที่เป็นศูนย์รวมอินเทอร์เน็ต สำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคม และผู้ให้บริการอื่น ๆ เช่น คลาวด์และคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกัน ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนการรับส่งข้อมูลทั้งในและต่างประเทศ ให้ถึงผู้ใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
นอกจากเป้าหมายการพัฒนาและส่งเสริมระบบโครงข่ายในไทยแล้ว Telehouse ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% สอดคล้องเป้าหมายทั่วโลกของ Telehouse ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2569
ปัจจุบัน Telehouse ประเทศไทย มีพันธมิตรแล้วมากกว่า 10 ราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคม คลาวด์ หรือผู้ให้บริการคอนเทนต์ รวมถึงพาร์ตเนอร์ที่ส่งมอบโซลูชั่นให้ลูกค้าองค์กร ที่ช่วยสร้างความพร้อมของระบบนิเวศทาง “การเชื่อมต่อ” กับดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้
โดยมีสาขามากกว่า 45 แห่งใน 10 กว่าประเทศทั่วโลก และพันธมิตรทางธุรกิจมากกว่า 3,000 ราย รวมถึงผู้ให้ บริการโทรคมนาคม ผู้ให้บริการมือถือ และคอนเทนต์ องค์กรต่าง ๆ และบริษัทที่ให้บริการทางการเงิน Telehouse ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2532 โดยการให้บริการโคโลเคชั่นที่น่าเชื่อถือ ปลอดภัย และยืดหยุ่น ช่วยให้องค์กรสามารถทำการตลาดและสร้างโอกาสทางธุรกิจได้เร็วมากขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อระหว่างกันที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย
ข้อมูลจากธนาคารกรุงไทย พบว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจดิจิทัลถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยในอนาคต มีการประเมินว่า จะเติบโตจาก 1.8 ล้านล้านบาทในปี 2021 เป็น 5.8 ล้านล้านบาทในปี 2030 ส่งผลให้ปริมาณข้อมูลที่เกิดขึ้น มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 7 เซตตะไบต์ (Zettabytes) ในปี 2021 เป็น 26 เซตตะไบต์ ในปี 2030 หรือเพิ่มขึ้นราว 3.7 เท่า ช่วงระยะเวลา 8 ปี ที่ต้องการ Data Center ในการจัดเก็บและประมวลผล…
จากข้อมูลดังกล่าว..ส่งสัญญานให้เห็นชัดเจนว่า “ดาต้าเซ็นเตอร์” จะกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และการเข้ามาของ Telehouse ครั้งนี้..จะนำไปสู่การแข่งขันของ “ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์” ที่ต้องจับตากันเป็นพิเศษเลยทีเดียว..!!