5 เดือนขาย 8 หมื่นล้าน

หลายคนถามว่า “โมนิก้า” รู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นดัชนีเด้งแรงเมื่อวันก่อน ขณะที่วานนี้ออกอาการตุปัดตุเป๋ตลอดทั้งวัน


หลายคนถามว่า “โมนิก้า” รู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นดัชนีเด้งแรงเมื่อวันก่อน ขณะที่วานนี้ออกอาการตุปัดตุเป๋ตลอดทั้งวัน ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,534.84 จุด บวกไป 5.60 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.97 หมื่นล้านบาท พร้อมกับแสดงอาการจะม้วนหัวลงไปที่ 1,500 จุดอีกรอบ เดี๊ยนเลยขอตอบว่า รู้สึกเฉย ๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่เม้าท์ให้ฟังมาตลอดว่า ตลาดหุ้นยังขาดปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้นการลงทุนไงล่ะคะ

ประกอบกับท่าทีของต่างชาติยังไม่เป็นมิตรกับตลาดหุ้นไทย “โมนิก้า” ถึงอยากเตือนความจำแฟนคลับด้วยการขายหุ้นของต่างชาติในแต่ละช่วงเป็นอย่างไรบ้าง? เพื่อจะได้เห็นภาพของตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร? เพราะถ้าย้อนกลับไปในช่วง ม.ค. ทุกคนหวังที่จะได้เห็นดัชนีขึ้นไปยืนเหนือ 1,700 จุด แต่สุดท้ายดัชนีก็ร่วงลงมาเรื่อย ๆ จนในเดือน มี.ค. ก็ลงมาทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,518 จุด ก่อนจะตีกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1,600 จุดได้เป็นครั้งแรกในช่วงปลายเดือนนะจ๊ะ

ต่อจากนั้นในช่วงเดือน เม.ย. ดัชนีก็อยู่ในอาการซึมลงต่อเนื่อง พร้อมกับมาทำโลว์ที่บริเวณ 1,520 จุด ก่อนจะเด้งกลับอย่างร้อนแรงในช่วงต้นเดือน พ.ค. แต่ทันทีที่ผลการเลือกตั้งออกมาเป็นทางการ ดัชนีกลับทรุดฮวบฮาบ พร้อมกับอาการวิตกจริตอย่างหนัก โดยระหว่างวันดัชนีลงไปทำจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1,490 จุดแบบนี้ มันคือภาพสะท้อนที่เตือนให้นักเล่นพึงสำเหนียกไว้บ้างนะคะ

ที่สำคัญหากดูจากยอดขายจากนักลงทุนต่างชาติเพียงกลุ่มเดียวจะเห็นว่า วานนี้ยังขายหุ้นออกมาอีก 3.85 พันล้านบาท ขณะที่วันก่อนขายออกมา 1.46 พันล้าน และยังไม่ครบเดือนขายหุ้นออกมาราว 1.72 หมื่นล้าน แต่ถ้านับตั้งแต่ต้นปีจนมาถึงวานนี้ก็ขายไปถึง 8.20 หมื่นล้านแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นความเสี่ยงสำหรับคนที่ “คิดช้า ทำช้า” เพราะเกมหุ้นเที่ยวนี้อาจจบรอบที่บริเวณ 1,570 จุดเหมือนก่อนหน้านี้..ก็เป็นไปได้..ใครจะไปรู้..อิอิอิ

ส่วนรายที่ยังทรงสวย และเป็นขวัญใจขาลุย “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น TTB เพื่อชี้ให้เห็น BV อยู่สูงถึงระดับ 2.32 บาท ผสานกับ Yield ก็อยู่สูงเกินระดับ 4% เดี๊ยนถึงเห็นด้วยที่ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.57 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 4.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.35 พันล้านบาท เพราะมองจากมุมไหน ด้านไหน ก็พบว่า หุ้นมีโอกาสที่จะ “ไปต่อ” มากกว่า “หมดรอบ” จริงหรือไม่? ก็รอดูกันต่อไปเจ้าค่ะ

ในเมื่อมีประเด็นต้องขบคิด และต้องใช้เวลาเป็นการพิสูจน์ “โมนิก้า” ขอหันไปมองหุ้น JMART อีกสักครั้ง เพราะเมื่อดูจากแรงซื้อที่เข้ามารอบใหม่ และเรื่องร้ายกำลังผ่านพ้นไป รวมทั้งครึ่งปีหลังจะกลับมาโต มันทำให้เชื่อว่า การที่หุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 20.30 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 4.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 684 ล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะของการตามน้ำไปดูสักไม้สองไม้นะตัวเอง

ไหน ๆ ก็มาแนวลุยกันทั้งที “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นปลากระป๋องกัน TU เพื่อย้ำให้เห็นแรงซื้อที่เข้ามารอบนี้ มันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะเป็นการซื้อต่อเนื่องจากวันก่อน ๆ จนราคาหุ้นเริ่มยกฐานใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม จึงอยากให้นักลงทุนประเมินการยืนปิดที่ระดับ 15.60 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 541 ล้านบาท โดยที่ BV อยู่ในระดับ 18 บาทแบบนี้..เสี่ยงหรือไม่ คุณ ๆ คงรู้อยู่แก่ใจนะคะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ต้องเอ่ยถึงหุ้นไฟแรงอย่าง MPIC เพราะทันทีที่ปรากฏข่าวอย่างเป็นทางการว่า “ขันเงิน” ทุ่มเงินกว่า 650 ล้านบาทเพื่อทำให้ธุรกิจบันเทิงกลับมาเฟื่องฟู และยังมีผสานความร่วมมือกับเมเจอร์ ก็ทำให้ราคาหุ้นพุ่งชนซิลลิ่งตั้งแต่เปิดเทรด จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 1.98 บาท บวกไป 0.46 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 24 ล้านบาทแบบนี้..วันนี้คงเล่นแบบดุดันต่อแน่ ๆ พะย่ะค่ะ

อีกรายที่ทรงพลังไม่แพ้กัน เพราะหลายคนเชื่อฝีมือ “เฮียฮ้อ” น่าจะเป็นคนดัน GIFT กลับมาโลดแล่นในยุทธจักรอีกครั้ง โดยเฉพาะแผนงานที่ว่าด้วยการรุกธุรกิจ “อาหาร” กับ “โรงแรม” ถือเป็นบิ๊กเชนจ์ที่จะทำให้บริษัทกลับมาทำกำไรเป็นกอบเป็นกำอีกรอบ “โมนิก้า” ถึงอยากเม้าท์ว่า การยืนปิดที่ระดับ 7.30 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 11.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 34 ล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะลุยสำหรับคนที่มั่นใจว่า หุ้นจะมาด้วยสตอรี่โกรทแบบเต็มตัวนะคะ

Back to top button