บาทอ่อนกับการเมือง และตลาดหุ้น
ค่าเงินบาทหลังเลือกตั้งอ่อนค่าลงไป อีกต่อเนื่องจนล่าสุด ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 34.57 บาทต่อดอลลาร์ การอ่อนค่าต่อเนื่อง
ค่าเงินบาทหลังเลือกตั้งอ่อนค่าลงไป อีกต่อเนื่องจนล่าสุด ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 34.57 บาทต่อดอลลาร์
การอ่อนค่าต่อเนื่อง มีคำอธิบายจากนักวิเคราะห์เงินของธนาคารไทย ออกมาบอกว่า เกิดจากปัจจัยใน-นอกไร้ความชัดเจน ส่งผลให้เม็ดเงินไหลออก
ทั้งนี้ นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้าวานนี้อยู่ที่ 34.57 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าต่อเหตุผลหลักที่เขาไม่กล้าบอกคือการเมืองไทยที่หาความแน่นอนไม่ได้จนดูเหมือนว่าตั้งรัฐบาลแต่บริหารไม่ได้
แม้การทำ MOU ของพรรคร่วมจะมีขึ้นก็ไม่อาจจะสร้างหลักประกันว่าจะไม่มีการเบี้ยวเกิดขึ้น
ภาวะฟันด์โฟลว์ที่ไหลออกส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย อย่างมากเพราะวิ่งลงรับลงมาแถว ๆ 1,520 จุด อันเป็นผลมาจากแรงขาย หลุดจากระดับนี้จะเกิดการไหลออก ที่จะส่งผลเสียต่อดัชนีตลาดได้ง่ายมาก
แรงขายของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยยามนี้ จึงเกี่ยวข้องกับค่าเงินบาทที่ อ่อนยวบชนิดแยกกันไม่ออก
เพียงแต่คราวนี้น่าจะดำเนินต่อไปไม่นาน หากสามารถตั้งรัฐบาลได้ คำตอบเรื่องนี้จึงเป็นการวางเฉยหรือซื้อสะสมหุ้นชั้นเยี่ยมในราคาถูกมาก
ความกังวลเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ที่ยังไม่มีความชัดเจน ส่งผลให้มีเงินทุนต่างประเทศ (Flow) ไหลออกต่อเนื่อง
ประมาณวันละ 1 หมื่นล้านบาท จึงเป็นปัญหาชั่วคราวไม่น่ากังวลแต่อย่างใด
บาทอ่อนค่าต่อเนื่องจากการไหลออกต่อเนื่องจากต่างชาติ ขายพันธบัตรหลายพันล้านบาท และขายหุ้น ที่สอดรับกันจึงเป็นจังหวะซื้อมากกว่าขาย ตามกระแสของการเล่นหุ้นขาลงที่จะขาดทุนมากกว่ากำไร
การร่วงลงของค่าบาทและดัชนีตลาดยามนี้ด้วยมีความไม่แน่นอน ซึ่งเป็นข้ออ้างที่นักเก็งกำไรระยะสั้นขึ้นมาเล่นเกมจึงสมควรเสี่ยงด้วยการท้าทายแบบสวนกระแส หรือ “ชาวสวน” เพราะเหตุผลคือไม่ได้เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจอย่างใด
อย่าลืมว่าหุ้นดัชนีตลาดลงยาว ๆ มีโอกาสเด้งกลับเร็วและแรงเสมอ