มีรองเท้าหรือไม่มี ก็แปะเอี่ยแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

แล้วในที่สุด…เวลาที่รอคอยก็มาถึง ไม่ต้องคิดอะไรมาก หุ้น 1,735.315 ล้านหุ้นของ บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ได้ฤกษ์เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยวันแรก ในเช้าวันอังคารที่ 8 ธันวาคม วันนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกหลุดไปใต้ 38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำจุดต่ำสุดในรอบ 6 ปีเศษพอดี

แล้วก็ไม่เกินคาดหมาย ราคาหุ้นที่ตั้งไอพีโอไว้ 9.00 บาท เปิดมาก็ต่ำจองทันที ไม่ให้ตั้งตัวได้ ที่ราคาสูงสุดของวันคือ 8.60 บาท

ราคาเปิดอย่างนี้ หลวงพ่อโกย แห่งวัดหน้าตั้ง ก็ต้องทำตามระเบียบคือตัวใครตัวมันนะโยม…อิอิอิ

การขายแบบเทกระจาดเริ่มขึ้นตั้งแต่เปิดตลาดไม่สวย ราคาร่วงไปที่ 8.30 บาทในครึ่งชั่วโมงแรก จากนั้นก็มีแรงรับขึ้นมาดันสู้กันนานที่ราคาระดับ 8.40-8.45 บาท จนถึงปิดตลาดเช้า

ว่ากันว่าเป็นฝีมือของรองเท้าเขียว นั่นเอง ซึ่งบรรดาอันเดอร์ไรเตอร์ขาใหญ่ที่เป็นพี่เลี้ยงกระจายขายคราวนี้อย่างบล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บล.ฟินันซ่า จำกัด บล.ภัทร จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จัดการให้

แต่ถึงเปิดตลาดบ่าย ทำท่าสู้ที่ราคา 8.45 บาทได้ไม่กี่นาที ก็ม้วนเสื่อกลับบ้านกันรวดเร็ว ราคาร่วงลงเพราะแรงขายมากกว่าซื้อไม่มีหยุด….ร่วงไปชนิด “กลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น”

เข้าสูตรจารีตเก่าๆ…หุ้นเครือปตท.ต้องหลุดจองวันแรก…ซะงั้น

ก่อนที่จะปิดที่ราคาสุดท้ายของวันแรก 8.00 บาท อันเป็นราคาต่ำสุดของวัน

การหลุดจองของหุ้นโรงกลั่นที่ถือเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีมูลค่าระดมทุนสูงที่สุดของปีนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลก ทั้งที่ควรแปลก เพราะราคาน้ำมันดิบยิ่งถูก ค่าการกลั่นยิ่งสูงสวนทางกัน…แม้จะมีปัญหาขาดทุนจากสต๊อกมาหักกลบก็ตาม

ดังที่ทราบกัน หุ้นนี้ แต่งตัวมายาวนาน ก่อนระดมทุน โครงสร้างบริษัทมี กลุ่มเชฟรอน ถือหุ้น 64% และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ถือหุ้น 36% แต่ในการระดมทุนคราวนี้ ปตท.ขอร่วมสังฆกรรม เอาหุ้นสามัญเดิมที่ ปตท.ถืออยู่ 1,242,50 ล้านหุ้น มาร่วมขายด้วย

หุ้นใหม่ที่ SPRC ขายจริง มีแค่ 197.222 ล้านหุ้น เท่านั้น

หลังการระดมทุนรอบนี้ สัดส่วนหุ้น ปตท.ใน SPRC จะลดเหลือ 5.41% และจะทยอยลดลงไปให้เหลือ 0%… เรียกว่าทิ้งขาดไปเลย ตัดบัวไม่เหลือเยื่อใย…ขณะที่เชฟรอนจะเหลืออยู่ 55%

ที่อย่างนี้ เพราะ ปตท. ต้องการล้างภาพที่ถูกโจมตีจากคนโง่ที่ (สอบตกประวัติศาสตร์ แต่…) อวดฉลาดว่า ทำการผูกขาดธุรกิจกลั่นน้ำมัน จึงอยากขายทิ้ง แล้วรับอานิสงส์เป็นเงินสด 1.25 หมื่นล้านบาทเศษแทน

กำไรพิเศษ ปตท.ไตรมาสสุดท้ายปี 2558 กระฉูดแน่นอน… อย่าสงสัย

การทิ้งหุ้นที่ถือของ ปตท. ใน SPRC ทั้งหมดเท่ากับเปิดทางให้เชฟรอนแห่งสหรัฐ คุมอำนาจบริหารบริษัทนี้เพียงลำพัง มีคนอื่นๆ เข้ามาร่วมเป็นบอร์ดพอเป็นพิธี

หุ้นที่เอามาขายครั้งนี้ ค่อนข้างเยอะ วงการหุ้นถือว่าเป็นหุ้นที่ “หนัก” ทั้งปริมาณ และราคาเพราะขายแพงทีเดียว หุ้นละ 9 บาท

เพื่อป้องกันล่วงหน้า เดิมเคยวางแผนกันไว้ว่า จะมีการงัดมาตรการเก่าเก็บที่เคยเลิกใช้ไปนานเกือบ 10 ปีที่แล้ว หลังจากที่เริ่มมีการนำมาใช้หลังวิกฤตต้มยำกุ้งในสถานการณ์ที่ตลาดมีปัญหาหุ้นหลุดจองบ่อยครั้งมาช่วย หวังว่าจะไม่หลุดจองซ้ำซาก โดยระบุว่า“จัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวนไม่เกิน 173,531,400 หุ้น” เพื่อเป็นการรับประกันว่า ราคาจะไม่หลุดราคาจองมากเกิน

ต่อมาขายหุ้นหมดเกลี้ยงตามเป้า…อันเดอร์ไรเตอร์เก่งมาาากกก…แผนนี้เลยพับไป ปล่อยให้กลไกตลาดทำงานตามปกติ…ใครใคร่ซื้อ…ซื้อ ใครใคร่ขาย…ขาย

การที่ราคาหุ้น SPRC วันแรก ต่ำกว่าจองไป 11.11%  ถือว่าพอรับได้…(ในสายตาของใครบางคน…ที่ไม่ใช่ขาจองแน่) แต่มันตอกย้ำว่า จะมีรองเท้าเขียวหรือไม่มี เอาเข้าจริงเมื่อถึงเวลา กลไกตลาดมาก่อนเสมอ ไม่มีหลอก

ไม่ต่างอะไรกับคนที่เอาสติ๊กเกอร์”…รถคันนี้สี…” เอามาแก้เคล็ดเวลาหมอดูบอกว่า สีรถคันที่ซื้อมามันชงกับดวงเจ้าของ…จนเกร่อเต็มถนน นะแหละ

คือมันช่วยได้แค่จิตวิทยาเท่านั้นเอง พ่ะย่ะค่ะ

สิ่งที่ต้องดูก็คือวันต่อๆ ไป หลังเข้าเทรดไปแล้ว สถานการณ์ราคาหุ้นจะกลับมาได้หรือไม่

ถ้าได้ ก็กล้อมแกล้ม ลืมๆ กันไป

แต่ถ้าไม่ได้…ก็เตรียมเป็นตำนานหุ้นหลุดจองกันต่อไป… ตามรอย GPSC ที่หลุดจองไปก่อนหลายเดือนล่วงหน้า แม้ผลประกอบการจะไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย

ราคาหุ้นของ SPRC ในวันที่สองของการเข้าเทรด ทำท่ารีบาวด์เล็กๆ ตอนภาคเช้าแกว่งตัวระหว่าง 8.05-8.30 บาท ส่วนที่จะแกว่งไปพ้นจองนั้น ยังมองไม่เห็นปลายอุโมงค์

จากนี้ไป คงต้องรอผลประกอบการและข่าวราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นเครื่องมือนำทางราคา ว่า จะกลับมาเหนือจอง 9.00 บาท ได้หรือไม่

อย่างที่เคยบอกไว้แล้ว…สถิติผลประกอบการของ SPRC ก่อนเข้าตลาด ก็ชวนให้น่าเสียวไส้ไม่น้อย เพราะในปี 2557 บริษัทมีรายได้รวม 7.03 พันล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิ 194.1 ล้านดอลลาร์ หรือขาดทุนต่อหุ้น 0.05 ดอลลาร์ ขณะที่ปี 2556 มีรายได้ 8.4 พันล้านดอลลาร์ กำไร 128.6 ล้านดอลลาร์ กำไรต่อหุ้น 0.03 ดอลลาร์

งบปี 2558 จะออกหัวหรือก้อย…คงเดาไม่ยาก…เว้นแต่ ถ้าอยากจะลุ้น