วัดใจสำนึกส.ว.กับส.ส.

เลือกตั้งเสร็จ พรรคไหนรวมเสียงข้างมาก เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรได้ ก็สมควรเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาล แต่นี่ รัฐธรรมนูญปี 2560 อัปลักษณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย


เลือกตั้งเสร็จ พรรคไหนรวมเสียงข้างมาก เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรได้  ก็สมควรเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาล

แต่นี่ รัฐธรรมนูญปี 2560 อัปลักษณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ดันให้อำนาจ ส.ว. 250 คนมาร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย เสียงประชาชนจึงถูกลดทอนความหมาย

ฉะนั้น พรรคที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 อาจไม่ได้ตั้งรัฐบาล หรืออาจถูกดันไปเป็นฝ่ายค้านเสียเลย ก็ยังได้ ไม่ว่าประชาชนจะเทคะแนนให้มากเพียงใด

เสียงส.ว.จึงเป็นตัวสำคัญว่า ใครจะได้จัดตั้งรัฐบาล ..แต่งตั้งโดยใคร? ก็พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชาสายหนึ่ง และพล..ประวิตร วงษ์สุวรรณอีกสายหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ก็ยังมีความหวังลึก ๆ จะได้กลับคืนสู่อำนาจ

เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 ปัญหาไม่มี เพราะพรรคพลังประชารัฐ ถึงแม้จะได้รับเลือกส.ส.เป็นอันดับ 2 แต่สามารถรวบรวมส.ส.ได้เกินครึ่งสภา

ถึงจะเป็นฝ่ายข้างมากแค่เฉียดฉิวก็เถอะ เมื่อมารวมกับส.ว.เกือบเต็มสภา พล..ประยุทธ์ก็ลอยลำ

เสียงในสภาล่างที่เฉียดฉิว ก็มีเทคนิคพิเศษ ทำให้พรรคฝ่ายรัฐบาล ยิ่งมีเสียงห่างจากพรรคฝ่ายค้านยิ่งขึ้น โดยการดูด “ส..งูเห่า”

ดูดกันเป็นสิบ ๆ ตัวอย่างไร้ยางอาย และนี่ก็เป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งที่บ่งชี้ถึงแผนการปฏิรูปการเมืองจอมปลอม ประชาชนก็เลยตอบแทนเสียสาสมในการเลือกตั้งปี 66 ทั้งส.ส.งูเห่าก็สอบตกเรียบ และบ้านใหญ่ก็พังครืน

เลือกตั้งปี 66 ประชาชนแสดงเจตจำนงชัดเจนแล้วว่า ต้องการเลือกขั้วฝ่ายเสรีนิยม-ประชาธิปไตย และปฏิเสธขั้วฝ่ายอนุรักษนิยม-สืบทอดอำนาจ นั่นคือเจตนารมณ์แรงกล้าที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างถึงราก

ไม่ใช่ค่อยเป็นค่อยไป และเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย ตามแนวทางรัฐบาลอนุรักษนิยม

พรรคก้าวไกล กลายเป็นพรรคที่ประชาชนให้ความไว้ใจสูงสุด สามารถเป็นแกนนำรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค จำนวนเสียงสนับสนุน 313 เสียงได้เป็นผลสำเร็จ

ถ้าเป็นรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยแท้จริง ก็เป็นรัฐบาลที่มั่นคงได้สบาย เพราะเสียงเกินกึ่งหนึ่งตั้ง 63 เสียง แต่นี่อยู่ในระบบรัฐธรรมนูญอัปลักษณ์ และเป็นฝ่ายตรงข้ามกับขั้วอำนาจเก่า จึงต้องอาศัยเสียงจากส.ว.และส.ส.รวมกันอีกอย่างน้อย 63 เสียง

ปัญหาจะหาเสียงสนับสนุนมาได้อย่างไร!

ได้ส.ว.อิสระแสดงเจตจำนงมาช่วยเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นผลสำเร็จแล้ว 20 เสียง ก็ยังขาดอีก 43 เสียง

ถ้าพรรคการเมืองหรือส.ส.ด้วยกัน ให้การสนับสนุนหลักการ พรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมาก ได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ก็คงไม่ต้องอาศัยเสียงส.ว.มาเพิ่ม

อันที่จริง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เที่ยวนี้ ได้ส.ส.มา 25 คน ก็เคยให้สัมภาษณ์ “หนุ่มเมืองจันท์” ก่อนเลือกตั้งว่า สนับสนุนหลักการพรรคการเมืองฝ่ายข้างมาก จัดตั้งรัฐบาล

อย่าว่าแต่จุรินทร์เลย แม้แต่อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มีส.ส.ถึง 71 เสียงก็ประกาศในเวทีดีเบต สนับสนุนหลักการ พรรคการเมืองที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล

ถ้าเที่ยวนี้ ไม่เบี้ยวอีก ก็สามารถ “ปิดสวิตช์ส..อาศัยแค่เสียงส..ด้วยกัน ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ก็นั่นแหละ “สำนึก” กันแค่ไหน ทางฝั่งส..ยังจะดูดีเสียกว่า

เกมเลือกตั้งยุติแล้ว ควรมีน้ำใจนักกีฬากันหน่อย “ผู้ชนะ” ควรได้ตั้งรัฐบาล “ผู้แพ้” ก็รอแก้มือในการเลือกตั้งหนหน้า ไม่เช่นนั้น บ้านเมืองจะถูกทำร้ายโดยไม่เป็นธรรม

Back to top button