KTB ส่วนต่างดอกเบี้ยขยายตัวดี
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิ 10,066.60 ล้านบาท เป็นระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์
คุณค่าบริษัท
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB มีโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 ดังนี้ 1.สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ 28.5% 2.สินเชื่อรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ 16.1% 3.สินเชื่อธุรกิจ SME 12.1% 4.สินเชื่อรายย่อย 43.3% โดยภายใต้สินเชื่อรายย่อย 43.3% สามารถจำแนกต่อได้ดังนี้ 1.สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย 18.3% 2.สินเชื่อบุคคล 22.2% 3.สินเชื่อบัตรเครดิต 2.6% 4.สินเชื่อ Leasing 0.2%
KTB รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิ 10,066.60 ล้านบาท เป็นระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ โดยขยายตัว 14.65% จากไตรมาส 1/2565 และเติบโต 24.14% จากไตรมาส 4/2565 ที่มีกำไรสุทธิ 8,109 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 24.0% รายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง 18.8% จากพอร์ตสินเชื่อที่มุ่งเน้นเติบโตอย่างมีคุณภาพ รวมถึงการขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมและรายได้จากการดำเนินงานอื่น ๆ อีกทั้งการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมได้ดี ถึงแม้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานขยายตัวจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการ ทำให้ Cost to Income ratio อยู่ที่ 38.70% ลดลงจาก 41.25% ในไตรมาส 1/2565 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลตามฤดูกาลที่ Cost to Income Ratio ในไตรมาสอื่นจะสูงขึ้นกว่าไตรมาส 1
KTB มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเท่ากับ 25,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.5% จากไตรมาส 1/2565 โดยมีสาเหตุหลักจากพอร์ตสินเชื่อที่มุ่งเน้นคุณภาพเพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) เท่ากับ 3.00% จาก 2.44% ในไตรมาส 1/2565 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัว 4.1% จากไตรมาส 4/2565 โดยมีสาเหตุหลักจากพอร์ตสินเชื่อที่มุ่งเน้นคุณภาพเพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น ทั้งนี้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) เท่ากับ 3.00% ปรับตัวดีขึ้นจาก 2.80% ในไตรมาส 4/2565 และเทียบกับไตรมาส 1/2565 ที่ 2.44%
KTB ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) เพิ่มขึ้น 48.1% จากไตรมาส 1/2565 และเพิ่มขึ้น 7.6% จากไตรมาส 4/2565 โดยพิจารณาถึงการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน รวมทั้งเงินเฟ้อ ซึ่งแม้ว่าจะเริ่มลดลง แต่ยังคงอยู่ระดับสูง และยังคงรักษาอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Coverage ratio) ในระดับสูงที่ 177.1% เทียบกับ 172.5% เมื่อสิ้นปี 2565 พร้อมทั้งบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPLs Ratio) อยู่ที่ 3.9% ทรงตัวจากสิ้นปี 2565 แต่สูงขึ้นเล็กน้อยจากสิ้นไตรมาส 1/2565 ที่ 4.0% ด้านเงินให้สินเชื่อของ KTB (หลังหักรายได้รอตัดบัญชี) ไม่รวมสินเชื่อภาครัฐ ทรงตัวจากสิ้นปี 2565 โดยสินเชื่อรายย่อยยังคงขยายตัว โดยมีสินเชื่อแก่ลูกหนี้เท่ากับ 2,582,256 ล้านบาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า การตั้งสำรองคาดทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2566 เนื่องจากบริษัทหันมาขยายสินเชื่อกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ทำให้ต้องเพิ่มการตั้งสำรองมากขึ้นจากในอดีต แต่มองว่า KTB สามารถบริหารจัดการ NPLได้ดี ทำให้ความเสี่ยงที่จะตั้งสำรองมากกว่าคาดไม่สูงนัก สำหรับทั้งปี 2566 คาด KTB จะมีกำไรสุทธิ 36,446 ล้านบาท โต 8.2% จากปี 2565 ตามประมาณการเดิม ชอบ KTB เพราะรุกขยายสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูงและการใช้ประโยชน์จาก Synergy กับบริษัทในเครือมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพเติบโตในระยะยาว
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น KTB ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 23 พ.ค. 2566 ที่ 19.30 บาท) ซื้อขายกันที่ P/E 7.71 เท่า ต่ำกว่า P/E กลุ่มธนาคารที่ 8.65 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น KTB อยู่ที่ 0.69 เท่า สูงกว่า P/BV กลุ่มธนาคารที่ 0.68 เท่า อยู่เล็กน้อย