‘ก้าวไกลมา…ฝรั่งทิ้งหุ้น’ มโนภาพที่สร้างจากอคติ!

การมโนภาพ หรือ ความนึกคิดเอาเองโดยไม่หาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนของ “นักวิชาการ” หรือแม้แต่ “กูรูในตลาดหุ้น” ที่ถ่ายทอดออกมาผ่านบทความ


การมโนภาพ หรือ ความนึกคิดเอาเองโดยไม่หาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนของ “นักวิชาการ” หรือแม้แต่ กูรูในตลาดหุ้น” ที่ถ่ายทอดออกมาผ่านบทความ ข้อเขียนในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีความพยายามจะทึกทัก การได้คะแนนเสียงข้างมากของ “พรรคก้าวไกล” ที่ได้รับเลือกจากประชาชนทั่วประเทศแบบฉันทามติ ได้ส่งผลให้ นักลงทุนต่างชาติ เทขายหุ้นไทย” ก้าวไกลมา หุ้นร่วง ฯลฯ

โดยเฉพาะมีความพยายามที่จะผูกโยงไปยังนโยบายการต่อต้านทุนผูกขาด ที่เป็นนโยบายหลักของพรรคเสรีนิยมรายนี้ ว่าเป็นสาเหตุทำให้ตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก

หากคิดแบบง่าย ๆ เหล่านี้ จะโยนความผิดกับผลการเลือกตั้ง ที่ ก้าวไกล ได้คะแนนเสียงข้างมาก ให้ก็สามารถที่จะทำได้ทันที โดยมันจะกลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มคนที่ผิดหวังจากผลการเลือกตั้ง หรือ กลุ่มที่มีอคติกับพรรคดังกล่าว ที่จะใช้โจมตี หรือสร้างภาพผีที่มาทำลายตลาดหุ้น

เหมือนตลอด 17 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2549 ที่ ประเทศเราได้ถูกคนบางกลุ่มเป่าหู จนสร้างจินตนาการภาพขึ้นมา ไม่ว่า การสร้างผีล้มเจ้า, ผีประธานาธิบดี, ผีปฏิญาณฟินแลนด์, ผีทุนนิยม, ผีอเมริกัน, ผีคอมมิวนิสต์ ฯลฯ 

ทั้งนี้ การไหลออกของเม็ดเงินทุนต่างชาติ จากตลาดหุ้นไทยที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ การชนะเลือกตั้งของ ก้าวไกล” เลยสามารถที่จะกล่าวได้ดังนี้

ปี 2565 นักลงทุนต่างชาติ ซื้อหุ้นไทยสุทธิ  ประมาณ 2 แสนล้านบาท และซื้อสุทธิจนข้ามมาปี 2566 และมาสิ้นสุดการซื้ออย่างต่อเนื่อง ช่วงปลายเดือน มกราคม 2566

โดยวันที่ 30 มกราคม 2566 นักลงทุนต่างชาติเริ่มขายหุ้นไทย SET INDEX อยู่ที่ระดับ 1,681 จุด ตลอดจนเดือน ก.พ.-มี.ค.-เม.ย. ก็ยังขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

โดยเทียบช่วงเวลาของการประกาศปักหมุดเพื่อเลือกตั้งของ กกต. โดยมีมาตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. 65 ที่กำหนดวันเลือกตั้งครั้งแรกคือ วันที่ 7 พ.ค. 66 จวบจนวันที่ 24 มี.ค. 66 (SET INDEX อยู่ที่ 1,591 จุด) ได้มีการเคาะวันเลือกตั้งอีกครั้งจนได้ข้อสรุปเป็นวันที่ 14 พ.ค. 66

หากเทียบเฉพาะไทม์ไลน์ของการเคาะวันเลือกตั้ง (14พ.ค.) อยู่ในช่วงปลายเดือน มี.ค.ซึ่ง ในเดือน ก.พ.-มี.ค.-เม.ย. 66 นักลงทุนต่างชาติก็เทขายหุ้นมาตลอด ยอดสุทธิรวมที่ต่างชาติขนเงินออกจากตลาดหุ้นไทย 3 เดือน คิดเป็น 64,762 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.38% ของจำนวนสุทธิที่ซื้อไปเมื่อปี 2565  โดยที่ต่างชาติไม่ได้รู้เลยว่าพรรคก้าวไกล จะชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงแบบถล่มทลาย เฉลี่ยต่างชาติขายหุ้นไทยเดือนละ 21,587 ล้านบาท 

อันนี้เรายังไม่นับรวมการขายของต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 1-12 พ.ค.(ก่อนเลือกตั้ง) เพราะถ้านับรวมเข้าไปแล้ว จะเป็นตัวเลขขายสุทธิของต่างชาติตั้งแต่ต้นปี 66 จนถึงวันที่ 12 พ.ค. จำนวนเกือบ 8 หมื่นล้านบาท 

ในขณะเดียวกัน ก่อนการเลือกตั้ง ก็มีกระแสข่าวออกมาว่า “พรรคเพื่อไทย” จะชนะแลนด์สไลด์ ซึ่งถือเป็น พรรคทุนนิยม หรือนิยมทุน” อยู่แล้ว แต่ต่างชาติก็ยังขายหุ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะวันที่ 12 พ.ค. ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง “ต่างชาติ” ได้ขายหุ้นไทยจำนวน -2,257.54 ล้านบาท 

สรุปความง่าย ๆ คือ นักวิชาการ กูรูหุ้น หรือ แอดมินเพจด้านการลงทุนที่พยายามจะดิสเครดิต “ก้าวไกล” แบบชนิดที่ว่า เอาข้อมูลเพียงแค่ครึ่งเดียวมาพูด (tell the half truth) กลายเป็นความอคติดังกล่าว ไปด้อยค่าตัวเองลงไปอีกในเรื่องของการให้ข้อมูลการลงทุน

เนื่องจาก นักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทยโดยที่ไม่รู้ว่า “ก้าวไกล” จะชนะเลือกตั้ง และเชื่อว่า ฝรั่งน่าจะรู้จักชื่อเสียงของ “เพื่อไทย” มากกว่า “ก้าวไกล”

ฉะนั้นการที่จะเหมารวมว่า “ก้าวไกล” มาแล้วเป็นสาเหตุที่ทำให้ทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทยนั้น  ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เป็นความจริงแบบที่ไม่จริง 

ในขณะเดียวกัน เป็นที่สังเกตว่า ช่วงที่ผ่านมา ภายหลังวิกฤติโควิด-19 จบลง เม็ดเงินทางฝั่งตะวันตกจะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียเป็นจำนวนมาก สวนทางกับเม็ดเงินของฝรั่งที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย 

ทำให้เกิดจินตนาการขึ้นมาว่า  ทำไมก่อนเลือกตั้ง “ต่างชาติ” จึงขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง เหมือนต้องการจะนำเงินเหล่านั้นมาเป็น กระสุนที่ใช้สู้ศึกกับการเลือกตั้งในไทยยังไงอย่างงั้น

ถ้าเป็นจริง ก็คงไม่กล้ามโนไปอีกสเต็ปว่า

ต่างชาติที่ซื้อสุทธิหุ้นไทยตลอดทั้งปี 65 คือ “ฝรั่งหัวดำใส่ชุดลายพราง”!?

Back to top button