ฝรั่งขาย 17 วันติด
ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกหนักใจทุกครั้งที่เห็นดัชนี “ขึ้นแรง ลงแรง” คงหนีไม่พ้นท่าทีฝรั่งที่ยังเดินหน้าขายหุ้นไม่หยุดสักที
ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกหนักใจทุกครั้งที่เห็นดัชนี “ขึ้นแรง ลงแรง” คงหนีไม่พ้นท่าทีฝรั่งที่ยังเดินหน้าขายหุ้นไม่หยุดสักที และที่ทำให้กังวลใจมากขึ้นทุกวันก็คือ นี่เป็นการขายต่อเนื่องทั้งหมด 17 วัน และเป็นการขายตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง โดยเริ่มสาดหุ้นออกมาในวันที่ 9 พ.ค. ต่อจากนั้นก็มีแรงขายพรั่งพรูออกมาไม่หยุดหย่อน (วานนี้ขายออกมาอีกสองพันล้าน) จนยอดขายสุทธิถึงตอนนี้ทะลุเกิน 3.50 หมื่นล้านพะย่ะค่ะ
ตรงนี้เป็นประเด็นที่เดี๊ยนพยายามย้ำให้แฟนคลับพึงระวังมากเป็นพิเศษ เพราะการขายของฝรั่งในแต่ละวันเน้นไปที่หุ้นบลูชิพเป็นหลัก และกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยมียอดสูงสุดของการเด้งกลับต่ำลงเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ถึงสังหรณ์ใจว่า แนวรับสำคัญบริเวณ 1,500 จุดอาจเอาไม่อยู่! เพราะปัจจัยรอบด้านไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้สบายใจเลยสักอย่าง จึงไม่อยากฝากความหวังอะไรทั้งสิ้นเจ้าค่ะ
ฉะนั้นการที่ดัชนีทรุดฮวบตั้งแต่ช่วงเช้า และพยายามเด้งกลับไปยืนแดนบวกตลอดทั้งวัน แต่สุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 1,533.54 จุด ลบไป 1.27 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.06 หมื่นล้านบาท มันคือสัญญาณเตือนนักเล่นให้รู้ว่า แรงขายยังไม่ซา! หลังความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัวยังตามหลอนไม่เลิก และเรื่องนี้ก็เห็นได้จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงมาต่ำกว่า 70 เหรียญไงล่ะจ๊ะ
ความกังวลดังกล่าวทำให้หุ้นโรงกลั่นเจ้าดังอย่างน้องท็อป TOP ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์แบบไร้ทางสู้ เพราะคนเล่นหุ้นมองเหมือนกันว่า เมื่อใดที่ราคาน้ำมันลดลง เมื่อนั้นกำไรบริษัทลดลงตาม เพราะตัวบริษัทต้องแบกรับผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นไหลลงมาปิดที่ระดับ 43.25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 576ล้านบาท พร้อมกับทำโลว์ใหม่ของปี 66 เป็นที่เรียบร้อยจ้า
เมื่อความต้องการใช้พลังงานลดลง และราคาพลังงานก็ลดลง เลยทำให้พี่เทพ PTTEP ไม่เป็นที่หมายปองของนักลงทุนสถาบันอีกต่อไป จึงระดมขายหุ้นแบบไม่สนใจใยดีอะไรทั้งสิ้น วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 139.50 บาท ลบไป 4 บาท หรือลงไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.58 พันล้านบาท ซึ่งเป็นภาพที่ย้อนแย้งกับปลายสัปดาห์ก่อนที่ขึ้นไปแถว 151 บาท มันเป็นภาพที่ล้อไปกับราคาพลังงานโลกเต็ม ๆ นะจะบอกให้
ส่วนรายที่เมาหมัดจนหาทางกลับบ้านไปเจอ และนับวันจะออกทะเลมากขึ้นเรื่อย ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น IVL เพื่อชี้ให้เห็นการทำ “โลว์แล้ว โลว์อีก” คงมาจากผลกระทบสองเด้งที่เริ่มจากปิดดีลเทกโอเวอร์ไม่ลง กับกำไรที่ลดลงต่อเนื่อง จึงกลายเป็นหุ้นตัวหลักที่ฝรั่งต้องลดพอร์ตอย่างเร่งด่วน และทำให้การยืนปิดที่ระดับ 31.75 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 988 ล้านบาท มีสิทธิ์ไม่ใช่จุดต่ำสุดของเที่ยวนี้ค่ะ
เช่นเดียวกับในรายของหุ้นเดินเรือ PSL ก็มีประเด็นที่ไหลไม่หยุดเหมือนกับรายข้างต้น ซึ่งเป็นผลมาจากค่าระวางเรือกลับมาอยู่ในทิศทางขาลงอีกครั้ง “โมนิก้า” ถึงอยากให้คนที่ถือหุ้นทำใจเสียที! เพราะเมื่อดูสภาพการณ์ของธุรกิจทั่วโลกที่อยู่ในโมเมนต์ “ทรง ๆ ทรุด ๆ” ก็มองไม่เห็นโอกาสที่หุ้นจะกลับมาโฉบเฉี่ยวไฉไล จึงมองการยืนปิดที่ระดับ 9.35 บาท ลบไป 0.35 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 152 ล้านบาท ยังไม่น่าสนใจนะตัวเอง
สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” มีความจำเป็นต้องเม้าท์ถึงน้องแบม BAM อีกครั้ง เพราะเป็นหุ้นที่เอาแต่มุดหัวลงลูกเดียว ผนวกกับสถานการณ์เศรษฐกิจไม่เอื้อต่อการขายสินทรัพย์ชิ้นใหญ่ ๆ และการอมสินทรัพย์ไว้นาน ๆ ก็มีแต่เพิ่มภาระต้นทุนทางการเงิน เดี๊ยนถึงไม่แปลกใจที่หุ้นซึมลงต่อเนื่อง และวานนี้ทำได้เพียงยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 11 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 139 ล้านบาทไงล่ะคะ
ตบท้ายกันที่หุ้น HMPRO เพื่อชี้ให้เห็นอาการไม่ยินดียินร้ายกับบรรยากาศตลาดหุ้น มันกลายเป็นคาแรคเตอร์ของหุ้นตัวนี้ไปเสียแล้ว “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นมองวงรอบการขยับตัวไปมาในกรอบ 13.50-14.50 บาทไว้ให้ดี ๆ ต่อจากนั้นก็ประเมินการยืนปิดที่ระดับ 13.80 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 684 ล้านบาท เหมาะต่อการเล่นรอบแค่ไหนเจ้าคะ