ทุบหุ้นใหญ่

หากดูอาการของตลาดหุ้นไทยที่ “ไม่หือ ไม่อือ” อะไรทั้งสิ้นนั้น น่าจะเป็นผลมาจากความคลุมเครือในหลายประเด็น ซึ่งทำให้นักลงทุนสถาบันขายหุ้นทุกครั้งที่ตลาดหุ้นเริ่มผงกหัว


หากดูอาการของตลาดหุ้นไทยที่ “ไม่หือ ไม่อือ” อะไรทั้งสิ้นนั้น น่าจะเป็นผลมาจากความคลุมเครือในหลายประเด็น ซึ่งทำให้นักลงทุนสถาบันขายหุ้นทุกครั้งที่ตลาดหุ้นเริ่มผงกหัว และเป้าของการโจมตีเที่ยวนี้ก็พุ่งตรงไปยังหุ้นใหญ่ที่มีประเด็นทางสังคม วานนี้เลยเป็นอีกวันที่ตลาดหุ้นไทยกลับสู่โหมดไซด์เวย์ดาวน์ และในไม่ช้าคงเห็นการลงไปทดสอบแนวรับ 1,500 จุดอีกครั้งพะย่ะค่ะ

ฉะนั้นการที่ดัชนีแกว่งตัวตลอดทั้งวัน ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,528.54 จุด ลบไป 2.66 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.72 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นสัญญาณเตือนที่ทำให้รู้ว่า ตลาดหุ้นไทยไม่อินกับข่าวดีที่ไหลเข้ามา และไม่อินกับผลงานของ บจ. ที่ทำได้ดีขึ้น เพราะถ้าอินกันจริง ๆ คงไม่เห็นหุ้นหลายตัวร่วงเป็นใบไม้ จนไม่มีวี่แววจะกลับมาโลดแล่นบนกระดานหุ้นในระยะสั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจอย่างแรงเจ้าค่ะ

ประกอบกับคนตลาดหุ้นกำลังอยู่ในช่วงเปิดสงคราม (อินการเมืองเยอะเกิน) บนโลกออนไลน์ จึงทำให้เห็นสัจธรรมที่ว่า พวกคลั่งลัทธิจนไม่เป็นอันทำอะไรมันมีอยู่จริง ๆ และเรื่องที่นำมาสาดโคลนก็เป็นแค่การตัดตอนมาเม้าท์กันทั้งนั้น “โมนิก้า” ถึงมองว่า ตลาดหุ้นไทยจะยุ่งเหยิงไปอีกนานแสนนาน และจะทำให้บรรยากาศการลงทุนซบเซาลงเรื่อย ๆ เพราะมันไม่มีมุมไหนที่ทำให้ชื่นใจเลยสักอย่างน่ะซี

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือหุ้น GULF ซึ่งถูกกระหน่ำขายแบบไม่มีเยื่อใย ทั้งที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะนำให้ซื้อลงทุน “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องที่ย้อนแย้งในทาง “ทฤษฎี” กับในทาง “ปฏิบัติ” แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปจะเห็นว่า นี่เป็นความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของธุรกิจจะเดินไปทางไหน? จึงต้องลงเอยด้วยการขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง และส่งผลให้ราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ 45.25 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 3.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.66 พันล้านบาทจ้า!

ขนาดหุ้นปลากระป๋องระดับโลกอย่าง TU ก็ยังไปไม่รอดสันดอนเหมือนกัน ทั้งราคาหุ้นตอนนี้แสนจะถูกเมื่อเทียบกับมูลค่าของกิจการ “โมนิก้า” เลยไม่สามารถอธิบายแรงขายที่ถล่มใส่ไม่ยั้ง จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 13.60 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 5.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 813 ล้านบาท เพราะในมุมของพื้นฐานบอกได้แค่ว่า นี่เป็นจังหวะของการทยอยสะสมหุ้นเท่านั้นเจ้าค่ะ

อีกรายที่โดนหนักเหมือนกัน และยังโดนชำเราต่อเนื่อง “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น CRC แบบไม่ลังเลใจ เพราะการที่หุ้นลงมาปิดที่ระดับ 39 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 616 ล้านบาท พร้อมกับทำโลว์ใหม่ให้เห็นคาตา มันเป็นเรื่องที่สุดแสนจะปวดร้าวในมุมของคนที่ยังถือหุ้น เพราะอาการที่แสดงออกวานนี้เหมือนย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า ยังมีโอกาสที่หุ้นจะทำโลว์อีกนะจะบอกให้

ส่วนรายที่ประหลาดเหลือเกินในเที่ยวนี้ก็คือ BCP เพราะองค์ประกอบของข่าวสารก็เป็นใจให้หุ้นวิ่งต่อ ผนวกกับผ่านบททดสอบแรงขายมาเยอะพอสมควร จึงน่าจะเห็นราคาหุ้นทะยานขึ้นไปอย่างสวย แต่เอาเข้าจริงกลับนอนหงายท้องอยู่ที่ระดับ 31.50 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 5.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 619 ล้านบาท จึงมีความกังวลว่า หุ้นจะม้วนหัวลงมาที่โลว์เก่าบริเวณ 29 บาทอีกรอบน่ะซี

ประเด็นข้างต้นกลายเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เดี๊ยนต้องเอ่ยถึงหุ้น SAWAD อีกครั้งแบบไม่ได้ตั้งใจ เพราะเป็นหุ้นที่มีลู่ทางขึ้นสดใสกว่าหุ้นตัวอื่น ๆ แต่สุดท้ายก็มาเจอเรื่องแบงก์ชาติคุมดอกเบี้ยซัดเข้าอีกดอก ทั้งที่เรื่องนี้มีการรับรู้กันมาระยะหนึ่งแล้ว จู่ ๆ กลับเกิดอาการจิตตกขึ้นมาเสียอย่างนั้น! เดี๊ยนเลยไปไม่เป็นเมื่อเห็นราคาหุ้นทรุดฮวบลงมาปิดที่ระดับ 54.50 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 3.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 495 ล้านบาทไงล่ะจ๊ะ

สถานการณ์ข้างต้นเทียบได้กับหุ้น NEX ซึ่งเข้าสู่โหมดเทิร์นอะราวด์แบบเต็มตัวในปีนี้ แต่ราคาหุ้นดันไม่ตอบรับกับตัวเลขกำไรที่ออกมาโชว์ และที่น่าเห็นใจไปกว่านั้นก็คือ ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ตัวเลขกำไรน่าเพิ่มขึ้นตามจำนวนรถที่ส่งมอบ “โมนิก้า” ถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 11.90 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 7% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 140 ล้านบาท มันไม่เมคเซ้นส์กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนะนายจ๋า!

Back to top button