จับตาอนาคต BR

ในแง่แผนธุรกิจของผู้บริหาร BR ยังมีความพยายามต่อเนื่องในการปรับปรุงสูตรอาหารสัตว์ ในการปรับใช้ระบบอัตโนมัติในการผลิต เพื่อเพิ่มสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงและการขยายธุรกิจ Horeca จะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นในปีหน้า และสนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาวได้แน่ๆ เนื่องจากบริษัทมีการขยายตลาดใหม่ โดยบริษัทมีการดีลร่วมทุนในอินโดนีเซียกับผู้ประกอบการณ์เป็ดครบวงจรที่มีช่องทางการจำหน่ายมากกว่า 4,000 สาขา


–คุณค่าบริษัท–

 

ในแง่แผนธุรกิจของผู้บริหารบริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด (มหาชน) หรือ BR ยังมีความพยายามต่อเนื่องในการปรับปรุงสูตรอาหารสัตว์ ในการปรับใช้ระบบอัตโนมัติในการผลิต เพื่อเพิ่มสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงและการขยายธุรกิจ Horeca จะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นในปีหน้า และสนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาวได้แน่ๆ เนื่องจากบริษัทมีการขยายตลาดใหม่ โดยบริษัทมีการดีลร่วมทุนในอินโดนีเซียกับผู้ประกอบการณ์เป็ดครบวงจรที่มีช่องทางการจำหน่ายมากกว่า 4,000 สาขา

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ คาดว่าผลประกอบการหลักหลังจากนี้จะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นนับแต่ครึ่งปีแรกในปี 2559 และฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในครึ่งหลัง จากปริมาณการส่งออกที่ฟื้นตัวทั้งในญี่ปุ่นและยุโรป อย่างไรก็ตามแน้วโน้มขาขึ้นของราคาขายทั้งในประเทศและเนเธอร์แลนด์จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นที่ยังคงสูงและดอกเบี้ยจ่ายที่ต่ำลงอีกทั้งคาดว่าในปี 2559 อัตราแลกเปลี่ยนจะมีความผันผวนน้อยลง ซึ่งน่าจะช่วยหนุนให้ปริมาณส่งออกดีขึ้น

รวมถึงปี 2559 ยังแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวไปในตลาดในประเทศ โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัดและประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีอุปสงค์ของเนื้อเป็ดที่ค่อนข้างสูงและเป็นที่นิยมอย่างเช่น กัมพูชา

การขยายอัตรากำลังการผลิต ซึ่งส่วนนี้จะเป็นปัจจัยหลักที่สามารถกระตุ้นให้ผลประกอบระยะยาวเติบโตได้…

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีรายได้รวมลดลงเหลือ 1,832.44 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 2,071.94 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศและทั่วโลกที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง มีผลต่อการแข่งขันด้านราคา ส่งผลให้บริษัทมีกำไรลดลงเหลือ 110.76 ล้านบาท หรือ 0.12 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 155.75 ล้านบาท หรือ 0.23 บาทต่อหุ้น

ส่วนผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีรายได้รวมลดลงเหลือ 5,835.76 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 6,347.11 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรลดลงเหลือ 428.21 ล้านบาท หรือ 0.57 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 531.18 ล้านบาท หรือ 0.77 บาทต่อหุ้น สาเหตุหลักมาจากการรายได้จากการขายลดลงร้อยละ 8 ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง

ถึงกระนั้นก็มีเรื่องที่ทำให้เบาใจอยู่ได้บ้าง หลังพบว่า ฐานะทางการเงินยังคงแข็งแกร่งทุกประการ เนื่องจากบริษัทมีสินทรัพย์มากถึง 2,303.77 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 1,808.49 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 1.28 เท่า แสดงว่า สภาพคล่องทางการเงินดีมากจริงๆ

ส่วนปัญหาหนี้สินไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะบริษัทมีหนี้สินรวมแค่ 2,132.38 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นมากถึง 4,591.73 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.47 เท่า ถือว่า บริษัทปลอดจากปัญหาหนี้สินจริงๆ และยังมีโอกาสกู้เงินมาขยับขยายกิจการได้อีก

ในส่วนของนักวิเคราะห์ บล. บัวหลวง มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อผลประกอบการปี 2559 จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมหภาคในไทย ยุโรปและญี่ปุ่น และปริมาณการส่งออกที่ค่อยๆฟื้นตัว ประกอบกับยังมีอัพไซด์จากการควบรวมกิจการ การขยายตลาดใหม่ และแนวโน้มการเพิ่มอัตราการจ่ายปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2558-2559 ปัจจุบันหุ้นซื้อขายกันด้วยราคาที่ค่อนข้างต่ำกว่าหุ้นในอุตสาหกรรมด้วยกัน อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจที่ 5.8% ในปี 2559 (อัตราการจ่ายปันผลที่ 50%) ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.00 บาทต่อหุ้น

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1. บริษัท เจอาร์จีจี จำกัด 229,275,086 หุ้น 25.10%

2. Black River Capital Partners Food Fund Holdings (Singapore) Pte.Ltd. 88,348,138 หุ้น 9.67%

3. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 59,236,902 หุ้น 6.48%

4. BR Associates 33,029,209 หุ้น 3.62%

5. Redfeather Limited 30,023,445 หุ้น 3.29%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย โชติ โภควนิช ประธานกรรมการ

2.นาย โชติ โภควนิช กรรมการอิสระ

3.นาย ทวีชัย เจริญบัณฑิต รองประธานกรรมการ

4.นาย ทวีชัย เจริญบัณฑิต กรรมการอิสระ

5.นาย โจเซฟ สุเชาว์วณิช รองประธานกรรมการ

Back to top button